Archive for February, 2013

PostHeaderIcon บอกนิสัยร้ายๆของผู้หญิงจากลักษณะมือ

หากคุณเป็นอีกคนที่ชอบการดูดวง โดยเฉพาะการดูดวงจากมือหรือลายมือต้องชื่นชอบกับคำทำนายนิสัยใจคอที่จะบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังในวันนี้อย่างแน่นอน ตามตำราโบราณการดูลักษณะมือท่านว่าไว้ว่านิสัยร้ายๆของผู้หญิงให้สังเกตุได้จากนี้
 

 

1. หากหญิงใดก็ตามที่มีฝ่ามือใหญ่แข็ง ปลายนิ้วเป็นเหลี่ยม เส้นความคิดที่เนินพฤหัสสูง เนินอื่นๆแฟบ ทำนายว่าหญิงผู้นั้นมักเป็นคนที่ทำอะไรตามใจของตน เป็นคนพูดจาโอหัง และไม่มีความยำเกรงในสามีของตัวเอง

 

2. หากหญิงใดก็ตามมีฝ่ามือแข็ง หัวแม่มือใหญ่หนามีเนื้อเต็มในส่วนที่ 2 ปลายนิ้วหัวแม่มืองุ้มเข้าภายใน ทำนายว่าหญิงผู้นั้นมักเป็นคนใจคอดุร้าย พูดจาไม่หวานหู เป็นคนมักได้ และมีความเห็นแก่ตัว ไม่มีความเมตตากรุณาต่อสามีหรือคนรอบข้าง


3. หากหญิงใดก็ตามมีเส้นจากเนินอังคารมาตัดเส้นสมรส และมีเนินอังคารสูงมาก โดยเฉพาะมีกากบาทด้วยแล้ว ทำนายว่าหญิงผู้นั้นมักมีนิสัยชอบใช้กำลัง มักเอาตัวเองเป็นใหญ่ และมักชอบทำร้ายสามีด้วยคำพูดหรือมีการใช้กำลังกับสามีอยู่เสมอ


4. หากหญิงใดก็ตามมีเนินศุกร์สูง แต่เนินจันทร์ และเนินพุธแฟบ มีตะแกรงที่เนินศุกร์ ทำนายว่าหญิงผู้นั้นมักไม่มีความเป็นแม่ศรีเรือน ที่สำคัญคือมักเป้นคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ มีความมักมากในกามารมณ์ และบางครั้งอาจแอบนอกใจสามีเพราะความไม่รู้จักพอ

 

อาจารย์เทวีโชค

www.teenee.com/

PostHeaderIcon สัญญาณอันตรายเตือนจากรถของท่าน

PostHeaderIcon กฟผ.เชื่อประหยัดไฟได้500เมกะวัตต์พ้นเสี่ยง

 
 

 กฟผ. ย้ำ แผนรับมือไฟดับพร้อม เชื่อ หากประหยัดช่วงเมษาฯ ได้ถึง 500 เมกะวัตต์ พ้นความเสี่ยงได้

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ทาง กฟผ. มีแผนรับมือการเกิดวิกฤติพลังงาน ช่วงระหว่างวันที่ 5-14 เมษายนนี้แล้ว ทั้งเรื่องของการผลิตไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันเตา การซื้อพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้าน และการประสานภาคเอกชน ขอให้ช่วยลดกำลังการผลิตลงในช่วงวันดังกล่าว โดยเฉพาะวันที่ 5 เมษายน ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ให้ความร่วมมือ ในส่วนของโรงงานที่อาจลดกำลังการผลิตลง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณใช้ไฟฟ้าลงได้ รวมถึงบางโรงงานมีการปรับ วัน เวลา ในการผลิต หรือ ปิดโรงงานในวันดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทางบริษัท โรงงาน ห้างร้านต่าง ๆ ได้หยุดทำการยาวหลายวัน ก็จะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าลดลงได้เพิ่มอีก 

ผู้ว่า กฟผ. กล่าวอีกว่า กำลังความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือนเมษายน

คาดว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 26,300 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่ายังไม่สูงมาก แต่ทาง กฟผ. ได้สำรองไฟฟ้าไว้ที่ประมาณ 27,000 เมกะวัตต์แต่หากเกินจากนี้คาดว่าสำรองไฟไม่พอใช้อย่างแน่นอน ฉะนั้น หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการประหยัดไฟตามแผนที่วางไว้แล้ว ก็จะสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ประมาณ 500 เมกะวัตต์ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองไฟได้เพิ่มมากขึ้น สถานการณ์ความเสี่ยงไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอก็จะช่วยคลี่คลายลง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

PostHeaderIcon ‘พงษ์ศักดิ์’ผุดไอเดียห้ามรถใหม่ใช้ก๊าซแอลพีจี

 
 

รมว.พลังงาน ผุดไอเดียห้ามรถใหม่ใช้ก๊าซแอลพีจี หวังแก้ปัญหาก๊าซมีไม่พอผลิตไฟฟ้า เล็งสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าเพิ่ม แต่ห่วงคนพื้นที่ต่อต้าน

–>

 

PostHeaderIcon ชาร์จมือถือด้วยเครื่องดื่ม

 
 

 
อีพิฟานี แลบส์ ในสหรัฐ พัฒนาอุปกรณ์ชาร์จมือถือจากความร้อน-เย็นของเครื่องดื่ม

ในยุคที่โทรศัพท์มือถือคือปัจจัยที่ห้า และการชาร์จแบตเตอรี่คือกิจกรรมจำเป็นที่มีข้อจำกัดที่ต้องพึ่งไฟฟ้า

งานนี้ อีพิฟานี แลบส์ บริษัทในสหรัฐจึงสร้างอุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์ที่เรียกว่า “วัน พัค” โดยอาศัยหลักเครื่องยนต์สเตอร์ลิง ซึ่งจะถ่ายเทความร้อนทำให้เกิดพลังงาน ทำให้อุปกรณ์หน้าตาคล้ายที่รองแก้วแบบมีสายต่อยูเอสบีสามารถอาศัยแหล่งพลังงานจากเครื่องดื่ม ทั้งร้อนและเย็นในการเติมไฟให้แบตเตอรี่มือถือ

ทั้งนี้ หากเป็นเครื่องดื่มร้อนให้ใช้ด้านสีแดง และหากเป็นเครื่องดื่มเย็นให้หันด้านสีน้ำเงิน

แว่วว่า ทางบริษัทยังมีแผนต่อยอด โดยตั้งเป้าว่าจะให้ “วัน พัค” ทำงานใหญ่ขึ้น ด้วยการสร้างพลังงานให้หมู่บ้านที่ห่างไกล

ใครที่อยากซื้อใช้ก็เตรียมเก็บเงินได้เลย เพราะจะวางขายต้นปีหน้า โดยสนนราคาประมาณ 60 ปอนด์ (ราว 3,000 บาท)

PostHeaderIcon ไต้หวันสุดเจ๋ง พัฒนา″มือถือโปร่งใส”คาดได้ใช้เร็ว ๆ นี้ “ราคาถูกกว่าไอโฟน5″

 
 

 

       สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงาน”โปลีทรอน เทคโนโลยี”ของไต้หวัน ได้พัฒนาโทรศัพท์มือถือโปร่งมือ ที่จะสามารถทำงานได้เหมือนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และจะเข้าสู่กระบวนการผลิตภายในปีนี้ หลังมีการพัฒนามากว่า 6 ปี โดยโทรศัพท์ดังกล่าวทำจากกระจกสื่อพลังงาน มีน้ำหนักเบา และโปร่งใส และทำงานได้เหมือนเทียบเท่ามือถือสมาร์ทโฟน ขณะที่อุปกรณ์ประกอบจะบรรจุแบ็ตเตอรี่ที่ไม่โปร่งใส และมีขนาดหน้าจอบางเท่ากับ 0.3 นิ้ว ซึ่งถือว่าใหญ่ไอโฟน และความสว่างมากกว่า 25 เปอร์เซนต์
รายงานระบุว่า นวัตกรรมนี้มีขึ้นหลังก่อนหน้านี้ บริษัทเกาหลีใต้ได้เปิดเผยโทรศัพท์ที่แป้นพิมพ์โปร่งใสโดยใช้เทคโนโลยีโพลีทรอนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายละเอียดของเกี่ยวกับราคาของโทรศัพท์โปร่งใส และผู้ผลิตบอกว่า มันจะมีราคาถูกกว่าไอโฟน 5

 

www.teenee.com/

PostHeaderIcon รูปสวยด้วยกล้องหน้า หรูกว่าด้วยFind Way

 

 
       อยากส้วยยย อยากสวย …อยากสวยทำยังไง อยากสวยมีหลายวิธีนะคะสาวๆ มีทั้งจากภายในสู่ภายนอกเริ่มจากการกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนมากๆ ไม่เครียดจนเกินไป และออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้เลือดสูบฉีด และดูแลตัวเองเป็นอย่างดี บางคนก็มีวิธีการเด็ดๆในการแต่งหน้าไม่ว่าจะหน้าแนวไหนจะเปรียว เฉี่ยว หรือแนวขนาดไหนก็จัดเต็มได้ตลอด หรือบางคนก็เลือกที่จะทำแม้กระทั่งศัลยกรรม ไม่ว่าจะเสริมจมูก ทำตาสองชั้น เหลาคางหรือวิธีการต่างๆนานาจากเทคโนโลยีปัจจุบัน ซึ่งก็มีวิธีมากมายหลากหลาย

      แต่วันนี้เรามีวิธีการใหม่นำเสนอ จากกล้องโทรศัพท์มือถือที่จะทำให้สาวๆต้องลืมแอพลิเคชั่นแต่งภาพกันไปเลยกับนวัตกรรมสุดยอดกล้องหน้าที่มากถึง5ล้านพิกเซล รวมทั้ง Beauty Plus Mode ที่เสริมความงามที่เหนือกว่าจนสาวๆต้องแอบทึ่ง เพราะทำให้หน้าสวย มีเสน่ห์ดุจมีมนต์  และด้วยประสิทธิภาพของกล้องหน้า Find Way ทำให้คนที่เคยปฎิเสธการถ่ายรูปยังต้องแอบหลงรัก มาดูกันดีกว่าว่าประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ผลดีกว่ายังไง

 

 

        นี่เป็นภาพตัวอย่างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ส่วนสาวๆคนไหนที่ยังไม่เคยได้ลองต้องบอกว่างานนี้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นเพราะนอกจากฟังก์ชันกล้องหน้าแล้ว เค้ายังมีฟังก์ชั่นอื่นๆให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นHDR(การถ่ายรูปแบบย้อนแสง)  ถ่ายภาพแบบพาโนรามา , ภาพแบบโหมดกลางคืน , ภาพแบบเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งโหมดพระอาทิตย์ตก เรียกได้ว่าเรื่องกล้องของเค้าครบครันจริงๆ สาวๆคนไหนคลั่งไคล้การถ่ายภาพแล้วล่ะก็ สมาร์ทโฟนรุ่น Find Way นี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว

www.teenee.com/

PostHeaderIcon แพทยสภาดัน ไทยเมืองหลวงศัลยกรรมความงาม งัดพีอาร์สู้เกาหลีใต้

 
 

 

 

แพทยสภาดันไทยก้าวสู่ศูนย์กลางศัลยกรรมตกแต่งแห่งเอเชีย รับที่ผ่านมาประชาสัมพันธ์น้อยสู้เกาหลียาก 

เตือนคนไทยแห่ทัวร์เสริมความงามเกาหลี ไม่มีสัญญาลายลักษณ์อักษรควรหลีกเลี่ยง ด้านคลินิกไทยหัวหมอ อาศัยแพทย์กิมจิเข้าไทยดึงลูกค้า

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา แถลงข่าว “ชูประเทศไทย เมืองหลวงศัลยกรรมความงาม” ว่า ข้อมูลของสมาคมเสริมความงามนานาชาติ ระบุว่า

 ปริมาณการทำศัลยกรรมในกลุ่มภูมิภาคเอเชียพบว่า จีนมีสัดส่วนการทำศัลยกรรมสูงสุด ตามด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ล้วนมาทำที่ประเทศไทย ขณะที่สหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรป ตกปีละประมาณร้อยละ 10 โดยส่วนใหญ่จะนิยมศัลยกรรมจมูกและกรีดตา ขณะที่การผ่าตัดแปลงเพศก็ไม่น้อยหน้า ขนาดสภาผู้แทนราษฎรของประเทศโปร์แลนด์ ยังสนใจ โดยจุดแข็งของไทยด้านศัลยกรรมตกแต่ง เป็นที่ยอมรับมาก เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีการประชาสัมพันธ์ เหมือนอย่างประเทศเกาหลี จึงอยากให้ภาครัฐออกนโยบายเร่งด่วน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจศัลยกรรมความงามที่มีช่องทางเติบโตสูงด้วยการสนับสนุนธุรกิจสุขภาพและความงามในรูปแบบของทัวร์ศัลยกรรมทั้งระบบ และร่วมผลักดันให้ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางด้านศัลยกรรมตกแต่งของเอเชีย

“ปัจจุบันมีธุรกิจนำทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี ซึ่งหากผลลัพธ์ไม่ดี ธุรกิจนั้นๆ อาจไม่รับผิดชอบ ซึ่งทางแพทยสภาก็ไม่สามารถเอาผิด เพราะเป็นความสมัครใจของผู้ไปทำเอง แต่หากเป็นกรณีคลินิกไทยไปรับแพทย์ต่างชาติมาทำศัลยกรรม หากมีข้อผิดพลาด แต่แพทย์ต่างชาติกลับประเทศไป คลินิกไทยต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ส่วนแพทย์ต่างชาติที่เข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาตจากแพทยสภาก็ถือว่าผิดเช่นกัน” นพ.สัมพันธ์กล่าว

นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย กล่าวว่า หากต้องการไปกับทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี ต้องสอบถามให้ดีว่า หากเกิดข้อผิดพลาด จะรับผิดชอบพาบินกลับไปแก้ไขด้วยหรือไม่ และการแก้ไขการทำศัลยกรรมจะต้องทำอีกกี่ครั้งจึงจะแล้วเสร็จ ต้องสอบถามและทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร

นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีคนไทยที่ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ด้วยการร้อยไหม ปรากฏว่ากลับมาไทยหน้าบวม ช้ำ บ้างไปเสริมจมูกก็มีปัญหาเบี้ยว ทะลุ ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หมดไม่ว่าจะทำศัลยกรรมที่ประเทศไหน อย่างประเทศไทยก็มีโอกาส เพราะการทำศัลยกรรมหรือการรักษาใดๆ ย่อมมีผลข้างเคียงไม่มากก็น้อย แต่หากทำที่ประเทศไทยการแก้ไขจะง่ายกว่า

ทั้งนี้ ในวันที่ 2-3 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ แพทยสภา ร่วมกับสมาคมศัลยกรรมตกแต่งฯ จัดงานประชุมวิชาการเชิงปฏิบัติการแพทย์ด้านศัลยกรรม และเวิร์กช็อปครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย โดยปีนี้จะเน้นการเสริมจมูก ฉีดจมูก รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาจากการศัลยกรรมจมูก
 

prachachat.net

PostHeaderIcon เตือนไทยโดนคว่ำบาตรค้างาช้าง

 
 

 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) และ เครือข่ายการตรวจสอบการค้าสัตว์ป่า TRAFFIC ออกแถลงการณ์ระบุว่า ชาติสมาชิก 177 ชาติ พร้อมทั้งผู้แทนระหว่างประเทศและองค์การพัฒนาเอกชน จะเริ่มการประชุมหารือ ในระหว่างการประชุมสุดยอดไซเตส ที่ประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 3-14 มี.ค. เพื่อเริ่มกระบวนการ ซึ่งอาจนำไปสู่การควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดในการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมาย
ภูมิภาคแอฟริกาพบว่ามีการลักลอบค้าผลผลิตจากป่า เช่น งาช้าง และ นอแรด เมื่อปีที่แล้ว มีช้างแอฟริกันถูกฆ่าเอางาถึง 30,000 ตัว และ แรดแอฟริกันอีก 668 ตัว ซึ่งถูกล่าเอานอ โดยมีประเทศไทย ไนจีเรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เป็นประเทศที่กระทำผิดเรื่องการลอบค้างาช้างผิดกฎหมาย และ เวียดนามเป็นตลาดรายใหญ่ เช่นเดียวกับนอแรด
ในประเทศโมซัมบิก

เจ้าหน้าที่ไซเตสได้เตือนประเทศต่างๆให้เตรียมพร้อมรับมือการถูกลงโทษด้วยการคว่ำบาตร หากยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขเรื่องการลักลอบค้างาช้างและผลผลิตจากป่า

www.teenee.com/

PostHeaderIcon ผัก 37 ชนิดที่ไม่กินไม่ได้

 
 

 

1. สะเดา (Neem tree) มีเบต้าแคโรทีนสูงบำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
2. ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูงบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
3. หัวหอมเล็ก (Shallot) มีน้ำมันหอมระเหยบรรเทาอาการ หวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
4. แครอต (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพ็กเตต ลดระดับ คอเลสเตอรอลได้
5. หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6. คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูล อิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
7. พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
8. กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิตบำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
9. ผักกระเฉด (Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10. ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11. มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อนๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
12. ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13. ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหารมีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14. เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำมีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
15. บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูงช่วยให้ ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำบำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
16. สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความ สดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17. ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง
18. ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับอนุมูลอิสระ
19. หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีนและวิตามินซีสูง
20. กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือดป้องกันหัวใจขาด เลือด ใบกระเทียมมีโฟเลต เหล็กวิตามินซีสูง
21. โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีนแคลเซียม
22. ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
23. ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24. กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม
25. ถั่วพู (Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูงมีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
26. ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
27. ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด
28. มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29. กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลต เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินสูง
30. มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญ อาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
31. ผักชี (Chinese parsley) ขับลม บำรุงธาตุช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32. กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของ เสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33. หัวไชเท้า (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
34. กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือดได้
35. แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหารป้องกันเลือด ออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36. ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อนๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
37. หญ้าอ่อน กินเพิ่มความคึกคักให้กระชุ่มกระชวย หัวใจสูบฉีด สมองแจ่มใส อายุยืนยาว สำหรับทุกเพศโดยเฉพาะวัยสูงอายุ

www.teenee.com/