Archive for July, 2013

PostHeaderIcon ไมโครเวฟสั่งงานด้วยเสียง

ล่าสุดมีคนนำ Raspberry Pi มาดัดแปลงติดเข้าไปกับไมโครเวฟทำให้สั่งงานด้วยเสียงได้

เทรนด์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันก็คือฉลาดขึ้น ส่วนเครื่องไฟฟ้ารุ่นเก่าๆ ที่ยังใช้งานได้อยู่ก็มีคนหัวใสเอามาดัดแปลงติดอุปกรณ์เข้าไปให้ทำอะไรได้มากขึ้น

อย่างนาย Nathan Broadbent ก็เกิดนึกสนุกจับเตาไมโครเวฟมาทำโปรเจคมันๆ ชื่อว่า Raspberry Picrowave ด้วยการใส่ Raspberry Pi คอมพิวเตอร์ราคาประหยัดเข้า

จนมันสามารถอัพเดทเวลาโดยใช้อินเตอร์เน็ต ใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ดเพื่อดึงคู่มือทำอาหารจากฐานข้อมูลที่เค้าทำอยู่ ส่งข้อความไปยังทวิตเตอร์เมื่ออาหารสุก รวมถึงรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต

ไม่แน่นะ มันอาจจะกลายเป็นต้นแบบของไมโครเวฟในอนาคตก็ได้นะ

ที่มา dailygizmo.tv

PostHeaderIcon ถนอมดวงตา

ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการมองเห็น และการรับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก ดวงตานั้นมีความอ่อนโยน และบอบบาง จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการดูแลรักษาเป็นพิเศษ วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิธีการถนอมดวงตาแบบง่าย ๆ มาให้ลองปฏิบัติกัน

1. ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอและหลีกเลียงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้

2. ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่มีแสงจ้า

3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า
เพราะอาจจะมีเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า มาทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้

4. กรณีที่ใช้สายตานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ก็ควรหาช่วงพักผ่อนสายตา ด้วยการทอดสายตาออกไปไกล ๆ
หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง

5. การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการพักผ่อนสายตาที่ดี

6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา
ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ ดังนั้นควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้าและผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ
ต้องมีเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง

7. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดงหรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็ง
มาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น

8. บริหารดวงตา โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลม เริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ
แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กัน วันละ 2-3 ครั้ง หรือนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก
แล้วใช้แตงกวาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาแปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง
เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น

www.teenee.com/

PostHeaderIcon 10วิธี เป็นหมอดูแลตัวเอง

1 เติมชีวิตประจำวันให้สมบูรณ์

มีสิ่งสำคัญสี่ประการที่คุณควรปฏิบัติทุกวันเพื่อเติมเต็มสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ได้แก่ กินผักและผลไม้สดจำนวนมาก ออกกำลังหรือเดินให้มากพอ หัวเราะหรือทำกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจอย่างน้อย 15 นาที และกินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ถั่ว ธัญพืช และอาหารที่ระบุว่า มีกากใยสูง หากทำได้ครบทั้งสี่ข้อทุกวัน รับรองได้ว่าคุณจะมีสุขภาพดี (ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้คงจะสูญเปล่า หากคุณยังคงสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือกินช็อกโกแลตเป็นประจำ)

2 เปลือยกายทุกสองหรือสามเดือน

เราหมายถึงการเปิดเผยร่างกายทุกส่วนให้คู่รัก (หรือเพื่อนสนิท) ช่วยตรวจตรา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตรวจดูผิวหนังทุกแห่ง มองหาปานหรือไฝรอยใหม่ รวมถึงผื่นและร่องรอยที่ดูน่าสงสัย อย่ามองข้ามหนังศีรษะ ซอกนิ้วทุกนิ้ว และใต้รักแร้ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์

ผู้ที่มีไฝ ให้ตรวจดูความผิดปกติดังนี้

  • ลักษณะไม่สมดุล สองซีกไม่เหมือนกัน
  • ขอบไม่เรียบ บริเวณขอบนอกขรุขระหรือไม่ชัดเจน
  • สีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีสีดำ น้ำตาล หรือชมพูแตกต่างกันหลายระดับ
  • ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าหกมิลลิเมตร

3 สังเกตการนอน

สัญญาณเตือนที่ชัดเจนสามประการของภาวะนอนหลับไม่เพียงพอคือ หนึ่ง จำเป็นต้องพึ่งนาฬิกาปลุกทุกเช้า สอง ง่วงนอนตอนบ่ายจนมีผลกระทบต่อกิจกรรมปกติ สาม มีอาการง่วงจนแทบหลับหลังอิ่มอาหารมื้อเย็น หากคุณมีอาการเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ควรหาเวลานอนพักผ่อนเพิ่มขึ้น หากคุณนอนมากเพียงพอแล้ว (ประมาณคืนละแปดชั่วโมง) แต่ยังมีอาการก่อนเพลียเหมือนอดนอน ควรปรึกษาแพทย์

4 วัดส่วนสูงทุกปีเมื่อวัยเกิน 50

ข้อนี้สำคัญเป็นพิเศษต่อ ผู้หญิงเพราะช่วยประเมินท่วงท่าและสุข ภาพของกระดูก ความสูงที่ลดลงเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกว่าความหนาแน่นกระดูกลดลงและจำเป็นต้องตรวจสุขภาพกระดูกทั้งร่างกาย หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาแพทย์

5 เปรียบเทียบสีปัสสาวะของคุณกับตารางสีมาตรฐาน

ข้อนี้อาจฟังดูแปลกแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยปกติ ปัสสาวะของคุณควรจะใสหรือมีสีเหลืองอ่อน หากดื่มน้ำไม่เพียงพอปัสสาวะจะสีเหลืองเข้มหรือมีกลิ่นรุนแรงขึ้น หากปัสสาวะยังคงเหลืองเข้มทั้งที่คุณดื่มน้ำมากเพียงพอ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ บางครั้ง ปัสสาวะสีเหลืองสดใสอาจเกิดจากสีของวิตามินบีในยาเม็ดวิตามินรวม (หากคุณกินเป็นประจำ)

6 วัดอัตราเต้นหัวใจหลังออกกำลัง

งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ใน วาร สารสมาคมแพทย์แห่งอเมริกา ระบุว่าผู้หญิงที่มีอัตราเต้นหัวใจหลังออกกำลังคืนสภาพช้ากว่าปกติจะมีความเสี่ยงของภาวะหัวใจพิบัติภายในสิบปีเป็นสองเท่าของผู้ที่มีการคืนสภาพของอัตราเต้นหัวใจเป็นปกติ ในการออกกำลังครั้งต่อไป ให้ลองเดินเร็วหรือวิ่ง 20 นาที แล้วนับอัตราเต้นหัวใจทันทีที่ หยุดออกกำลังด้วยการนับจำนวนครั้งภายใน 15 วินาทีคูณด้วยสี่ซึ่งเท่ากับอัตราเต้นหัวใจต่อหนึ่งนาที จากนั้นให้นั่งพักเหนื่อยสองนาทีแล้ววัดซ้ำ นำตัวเลขครั้งแรกหักลบด้วยครั้งที่สอง ถ้าต่ำกว่า 55 แสดงว่าการคืนสภาพของอัตราเต้นหัวใจเป็นปกติ หากสูงกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์

7 หากคุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน ให้ตรวจเท้าทุกวัน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดเท้าพิการสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งมักเริ่มต้นจากแผลเล็กน้อย แผลผุพอง รอยฟกช้ำ หรือผื่นจากเชื้อรา จึงควรตรวจหาสิ่งเหล่านี้ทุกวัน โรคเบาหวานทำให้เส้นประสาทเสียหายโดยเฉพาะบริเวณเท้า การตรวจเท้าจึงมีความสำคัญเช่นเดียวกับการตรวจระดับน้ำตาล ในเลือด

8 วัดความดันโลหิตทุกหกเดือน

อาจวัดที่คลินิกใกล้บ้าน หรือวัดเองที่บ้านถ้ามีอุปกรณ์ หากคุณอยากรู้ถึงความสำคัญของความดันโลหิตสูง เข้าไปที่ thaihypertension.org เว็บไซต์ของสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย หากค่าความดันโลหิตตัวแรกมากกว่า 140 (หรือ 130 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) หรือตัวหลังมากกว่า 90 (80 สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) ให้วัดซ้ำอีกครั้งในวันถัดไป หาก ยังสูงอยู่ให้ปรึกษาแพทย์

9 ตรวจระบบหัวใจและหลอดเลือด

ผู้ที่อายุเกิน 40 ปีและไม่มีปัญหาโรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง ควรพบแพทย์เพื่อขอตรวจกรองประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างละเอียด (วิธีนี้ช่วยประเมินโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองในอนาคต) สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี แต่มีประวัติสมาชิกครอบครัวป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง ควรรับการตรวจเช่นกัน การตรวจประกอบด้วยการวัดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล วัดความดันโลหิต ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น การวัดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับประเมินความเสี่ยงต่อโรค ผู้ที่ระดับคอเลสเตอรอลปกติอาจมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายประการที่ทำให้เกิดโรคของระบบหัวใจและหลอดเลือด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้ปรึกษาแพทย์

10 ตรวจสภาพเส้นผม

หากคุณมีปัญหาผมร่วง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอตรวจระดับเฟอร์ริตินในเลือด ซึ่งเป็นดัชนีบ่งบอกปริมาณธาตุเหล็กสะสมในร่างกาย การศึกษาบางฉบับระบุว่า ระดับเฟอร์ริตินต่ำเกี่ยวข้องกับปัญหาผมร่วงชนิดไม่มีสาเหตุ โรคไทรอยด์คือสาเหตุอีกประการที่พบบ่อย

ที่มา.. “5 MINUTE HEALTH BOOSTERS” จัดพิมพ์โดย รีดเดอร์ส ไดเจสท์

PostHeaderIcon อยากแก่ช้า ป่วยยาก อ่านบทความนี้

ยุคสมัยของการเร่งรีบ การแข่งขันทำงานในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ บวกกับการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้หลายคนเกิดความเครียดลึกๆ โดยไม่รู้ตัว นำมาซึ่งอาการป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดอาการไม่สดชื่น ปวดท้อง ท้องอืด ขับถ่ายไม่ปกติ เมื่อไปพบแพทย์ก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากสาเหตุอะไร 

แต่สำหรับการแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยแบบองค์รวม (Anti-Aging Medicine) เรียกอาการเหล่านี้ว่า“ภาวะร่างกายสะสมพิษ” เมื่อร่างกายมีสารพิษสะสมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะของเสียที่ตกค้างอยู่ในตับและลำไส้ นำไปสู่การอักเสบและการรั่วซึมของผนังเซลล์ทำให้สารพิษเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เกิดความผิดปกติและร่างกายเสียความสมดุล

ร.ต.ต.นพ.อัญวุฒิ ช่วยวงษ์ญาติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของบาลานซ์ บาย ไฮโดรเฮลท์ คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยแบบองค์รวม กล่าวว่า คนเราจะสุขภาพดีหรือไม่ดี ดูได้จากลำไส้ สังเกตได้จากว่า ท้องอืดไหม ถ่ายสะดวกไหม เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของระบบย่อยอาหารทั้งหมด ถ้าลำไส้ดี สุขภาพด็จะดีตามไปด้วย

“ลำไส้เล็กมีความสำคัญมากที่สุด แต่คนส่วนใหญ่กลับละเลยไม่ใส่ใจในการดูแล ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายโดยตรง หากรับประทานอาหารที่มีสารปนเปื้อนหรือมีสารพิษตกค้าง ทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบ สารพิษซึมผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย อาทิ ภูมิแพ้ สิวที่รักษาไม่หาย ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และไทรอยด์อักเสบ” 

วิธีการดูแลลำไส้เล็กให้มีสุขภาพดี ร.ต.ต.นพ.อัญวุฒิแนะนำว่า ควรรับประทานอาหารที่ไม่มีสารพิษปนเปื้อน ถูกสุขลักษณะ ไม่รับประทานอาหารซ้ำซาก และรับประทานแบคทีเรียชนิดดีที่มีประโยชน์ (โปรไบโอติกส์) ซึ่งอยู่ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว เพื่อเสริมการช่วยย่อยให้มีประสิทธิภาพให้ดีขึ้น นอกจากนี้การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวันเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะหากดื่มน้ำน้อยจะส่งผลทำให้การดูดซึมน้ำในลำไส้ใหญ่มีปัญหาเกิดภาวะอุจจาระแข็งตัว ขับถ่ายไม่สะดวก และเกิดอาการท้องผูกได้

“สารพิษที่ตกค้างในร่างกายเปรียบเสมือนภัยเงียบที่คอยบ่อนทำลายสุขภาพ ทุกคนอยากแก่ช้าป่วยยาก การป้องกันโรคก่อนเกิดโรคสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มต้นที่ใส่ใจดูแลตัวเอง ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกาย พร้อมหมั่นล้างสารพิษและอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย เพียงเท่านี้ท่านก็จะมีสุขภาพดีและห่างไกลโรคไปอีกนาน” ร.ต.ต.นพ.อัญวุฒิกล่าวทิ้งท้าย

 

 

(ที่มา:หน้า 25,มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 )

PostHeaderIcon วิธีไล่มอด

หลายคนซื้อข้าวสารมาเป็นจำนวนมากสำหรับรับประทานในครอบครัว ซึ่งบางทีจะมักมีมอดติดมาด้วย เมื่อผ่านไปซักระยะเรายังทางข้าวสารที่ซื้อมานั้นไม่หมด มอดเหล่านั้นก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนบางทีเราต้องทิ้งข้าวสารที่เหลือนั้นไปเสียเลยก็มี เพราะว่ามีมอดเยอะเกินไป 

หากเราพบว่าในถังข้าวสารเต็มไปด้วยมอดหรือแมลงตัวเล็กๆ เต็มไปหมด กว่าจะซาวข้าวและเก็บตัวแมลงจนหมดเพื่อจะนำมาหุงและรับประทานจนต้องเสียเวลา อีกทั้งการซาวข้าวหลายๆครั้งยังทำให้เสียคุณค่าทางอาหารที่มีความสำคัญที่มีอยู่ในข้าวออกไปจนหมด 

วิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ คือ นำใบมะกรูดใส่ลงไปในถังข้าวสารโดยจะใส่ทั้งก้านเลยก็ได้ ไม่นานแมลงที่อาศัยอยู่เดิมก็จะตายไป และจะไม่มีแมลงเข้ามาอยู่ในข้าวสารของเราใหม่อีกครั้ง แต่ต้องหมั่นคอยสับเปลี่ยนดูใบมะกรูดเอาใบเก่าที่แห้งแล้วออกนำใบใหม่ใส่เข้าไปแทนค่ะ 

www.teenee.com/

PostHeaderIcon งดเหล้าเข้าพรรษา

 

 

ปัจจุบันจำนวนนักดื่มของไทยพุงสูงขึ้นเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย คิดเฉลี่ยเป็น 52 ลิตร/คน/ปี ซึ่งสูงกว่าปริมาณการบริโภคนมของประชากรไทยซึ่งอยู่ที่ 14 ลิตร/คน/ปี 
และผลสำรวจจากปี 2554 พบว่า ช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มสุรามากถึง 17 ล้านคน หรือ เกือบ 1 ใน 3 ของประชากร และจากรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุราล่าสุด ในปี 2556 พบว่านักดื่มเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึง 5 เท่าตัว โดยเฉลี่ยผู้ชายเริ่มดื่มเมื่ออายุ 19 ปี ส่วนผู้หญิงเฉลี่ยเริ่มดื่มอายุ 24 ปี 

ที่สำคัญยังพบการกระทำผิดระหว่างร้านค้ากับนักดื่ม ที่มีนักดื่มกว่า 30,000 คน ซื้อสุรามาจากพื้นที่ห้ามขายทั้ง วัด หอพัก สวนสาธารณะ ปั๊มน้ำมัน และร้านขายยา ขณะเดียวกันพบว่ามีกว่า 40,000 คน มักดื่มสุราในพื้นที่ห้ามดื่ม เช่น สถานที่ราชการ วัด สวนสาธารณะ ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มการกวดขันทางกฎหมายมากขึ้น 

ดังนั้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยจึงได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น “วันงดดื่มสุราแห่งชาติ “ ซึ่งในปีถัดมา ยังได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วราชอาณาจักรด้วย เพื่อรณรงค์ให้ชาวไทยตั้งสัจจะอธิษฐานว่าจะงดดื่มสุราในวันเข้าพรรษาและในช่วง 3 เดือนระหว่างฤดูเข้าพรรษา เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีให้แก่สังคมไทย 

และสำหรับในปี พ.ศ. 2556 นี้ วันเข้าพรรษาตรงกับ วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม
www.teenee.com/