Archive for January, 2013

PostHeaderIcon เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์

เกาหลีเหนือ

หลังไม่พอใจสหประชาชาติที่ลงมติคว่ำบาตร

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือ ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของกองทัพเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า ขณะนี้ทางการของเกาหลีเหนือเตรียมที่จะ ทดสอบนิวเคลียร์ขั้นสูง และยิงขีปนาวุธพิสัยไกลขึ้นอีกครั้ง หลังเคยทดลองมาแล้วเมื่อปี 2006 และ 2009

ซึ่งการออกแถลงการณ์ทดสอบอาวุธดังกล่าวเป็นเพราะ เกาหลีเหนือไม่พอใจที่ถูกคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติคว่ำบาตร และประนามหลังมีการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลไปเมื่อเดือนธนวาคมของปีที่ผ่านมา

แม้การยิงดังกล่าวทางเกาหลีเหนือจะอ้างว่าเป็นการทดสอบส่งดาวเทียมของประเทศก็ตาม อย่างไรก็ดีการประกาศดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าจะมีการทดสอบขึ้นในวันและเวลาใด แต่ก็มีความเป็นไปได้ทุกเมื่อหากผู้นำเกาหลีเหนือมีคำสั่งออกมา

นอกจากนี้รายงานยังได้ระบุต่ออีกว่า การทดสอบยิงขีปนาวุธระยะไกล และทดสอบนิวเคลียร์ครั้งนี้ มีเป้าหมายไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศไม้เบื่อไม้เมา และศัตรูสำคัญของเกาหลีเหนือเลยทีเดียว

MThai News

PostHeaderIcon 25 มกราคม ! เกิด “กรม”ใหม่เกิดขึ้นในระบบราชการไทย

 
 

 

25 มกราคม ! เกิด “กรม”ใหม่เกิดขึ้นในระบบราชการไทย คุณรู้ไหม?

25 มกราคม 2556 พระราชบัญญัติ  ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่  10 )  พ.ศ.  2556 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย  

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากการปฏิบัติการฝนหลวง เป็นบริการสาธารณะในการทำฝนเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่เกษตรกรรม ป่าไม้ และเขื่อนหรือพื้นที่เก็บกักน้ำ อันเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและภัยธรรมชาติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งภารกิจดังกล่าวรวมถึง การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนแม่บทเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ

การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการของประเทศ รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการทำฝน และการดัดแปรสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการให้บริการด้านการบิน และการสื่อสารเพื่อสนับสนุนในภารกิจด้านการเกษตรและอื่น ๆ โดยปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารจัดการและ ความรับผิดชอบของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมควรยกฐานะสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยจัดตั้งเป็น กรมฝนหลวงและการบินเกษตรขึ้นในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้การบริหารจัดการ การปฏิบัติการฝนหลวงเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีความคล่องตัวในการบูรณาการภารกิจร่วมกับส่วนราชการอื่น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
www.teenee.com/

PostHeaderIcon ฮือฮา!แกะเปลือกทุเรียนเจอทุเรียน

 
 

 

 

ชาวพังงาแตกตื่นพบทุเรียนประหลาด แกะเปลือกออกกลับเจอผลทุเรียนอีกลูกข้างใน แห่พิสูจน์ตีเป็นเลขเด็ดไว้เสี่ยงโชค

สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 56  ได้รับแจ้งจากนายอนุพงษ์ เจริญภักดิ์ ชาวบ้าน ม.2 บ้านถ้ำ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ว่ามีชาวบ้านพบทุเรียนประหลาด ภายในมีลูกทุเรียนอีกลูกซ้อนอยู่ภายใน จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนางกุลลิดา บุญศรี อายุ 44 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 28/3 ม.2 ต.กระโสม พร้อมด้วยเพื่อนบ้านใกล้เคียงกำลังมุงดูทุเรียนประหลาดลูกดังกล่าวกันอยู่ พร้อมกับวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
มีลักษณะประหลาด คือ เมื่อแกะเปลือกทุเรียนออกมา กลับพบว่ามีทุเรียนอีกลูกหนึ่งซ้อนอยู่ภายใน และเมื่อแกะเปลือกทุเรียนลูกใน พบเนื้อพร้อมด้วยเมล็ดจำนวน1 เมล็ด ซึ่งมีรสชาติเป็นปติเหมือนทุเรียนพื้นบ้านทั่วไป ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก                        �
นางกุลลิดา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ญาติของตนได้นำทุเรียนจำนวนหนึ่งใส่กระสอบมาให้ เป็นทุเรียนจากสวนของตนที่บ้านป่ากอ ม.1 ต.ป่ากอ อ.เมืองพังงา เป็นพุนธุ์พื้นบ้านเนื้อดี ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ให้ผลดกประจำทุกปี โดยทุเรียนทั้งหมดมีอยู่ 1 ผล ที่มีลักษณะประหลาด มีลูกทุเรียนซ้อนอยู่ใน ที่ผ่านมาไม่เคยเจอทุเรียนแบบนี้ ตนจึงได้เรียกเพื่อนบ้านมาดู และเพื่อนบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเจอมาก่อน

ฮือฮา!แกะเปลือกทุเรียนเจอทุเรียน

 

                        �
ทั้งนี้ทุเรียนดังกล่าวเป็นทุเรียนพื้นบ้าน น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม

 

                        �
“ทั้งนี้ต่างตีเป็นตัวเลข 741 ซึ่งได้มาจากเปลือกทุเรียนชั้นนอก มี 7 ชิ้น เปลือกในมี 4 ชิ้น และมีเมล็ด 1 เมล็ด”

                        �
ด้านนายวัฒนา รักตน อายุ 74 ปี อาชีพค้าขาย กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาจนอายุขนาดนี้ ไม่เคยเจอกับทุเรียนประหลาดแบบนี้มาก่อน และตนเองก็ทำทุเรียนกวนขายอยู่ด้วย ซึ่งตนเองได้ปอกทุเรียนพื้นบ้านเพื่อนำเนื้อมากวน มากกว่าปีละ 1 หมื่นลูก พอมาเจอกับทุเรียนผลนี้ นับว่าเป็นทุเรียนประหลาดจริงๆ

www.teenee.com/

PostHeaderIcon ประโยชน์ข้าวโพดสีม่วง

 
 

 


การรับประทานข้าวโพดสีม่วง หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย กับการรับประทาน ข้าวโพดสีม่วง อยู่เพราะคนเราอาจจะเคยชินกับการรับประทาน ข้าวโพดสีเหลืองๆ อยู่แล้ว เพราะว่าวันนี้เราจะมาแนะนำ การทานข้าวโพดสีม่วงนี้ 

มันดียังไง ช่วยในเรื่องอะไร ทำไมเราต้องหามารับประทาน เพราะว่าข้าวโพดชนิดนี้ สามารถช่วยในการต้านมะเร็ง ช่วยในการ ชะลอความแก่ ได้อีกด้วย
 
ข้าวโพดเหนียวสีม่วง ที่มีฝักใหญ่ และมีรสชาติ ที่อร่อยนุ่มลิ้น ทั้งหวานและเหนียว โดย ข้าวสีม่วงเข้ม ในเมล็ดแต่ล่ะเม็ดนั้น จะมีสารแอนโทไซยานิน ที่มีคุณสมบัติ สามารถช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดโอกาส ของการเกิดโรคมะเร็งชนิดเนื้องอก ช่วยในการเสริมสร้าง ให้ร่างกาย ต่อต้านเชื้อโรค และช่วยในการสมานแผล ช่วยในการเสริม ระบบการทำงานของเม็ดเลือดแดง ภายในร่างกาย ช่วยในการชะลอ การเกิดไขมันอุดตัน ในหลอดเลือด ช่วยควบคุมระดับ น้ำตาล และยังช่วยในการชะลอความแก่ ได้อีกด้วย

ซึ่งข้าวโพดสีม่วงนี้ ที่อุดม ไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่สูง และเหมาะสำหรับคน ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก ทั้งยังช่วยในการ ต้านมะเร็งแล้ว มันยังสามารถช่วยชะลอความแก่ได้อีก
การที่เราลองหาข้าวโพดสีม่วง เพื่อนำมารับประทานบ้าง เพราะว่าบางคนอาจจะ ไม่เคยคิดที่จะนำมารับประทาน เนื่องด้วยสีของข้าวโพดที่มีสีม่วงๆ ต่างจากที่ เคยนำมารับประทาน ข้าวโพดโดยทั่วไป จะมีสีเหลือง มองดูแลแล้วน่าอร่อยมากกว่า ซะอีก ควรเปลี่ยนความคิดใหม่ซะ เพราะว่าข้าว โพดสีม่วงทั้งอร่อย และมันยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา ช่วยให้เราไม่แก่เร็วขึ้นอีกด้วย 
 


ขอบคุณ ISNHOTNEWS

PostHeaderIcon ช็อก สุดยอดหมอสุดชุ่ย ทิ้งอุปกรณ์ 16 ชิ้น ในท้องคนไข้หลังผ่าตัด

 
 

ช็อก สุดยอดหมอสุดชุ่ย ทิ้งอุปกรณ์ 16 ชิ้น ในท้องคนไข้หลังผ่าตัด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ว่า ครอบครัวของนายเดิร์ก ชโรเดอร์ วัย 74 ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก เตรียมฟ้องร้องค่าเสีรยหายเป็นจำนวน 80,000 ปอนด์ จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของเยอรมัน หลังจากพบว่า แพทย์ผู้ผ่าตัดได้ทิ้งอุปกรณ์จำนวน 16 ทิ้งในท้องของนายเคิร์กภายหลังการผ่าตัด หลังจากเขาถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ก่อนพยาบาลจะแจ้งว่าได้พบอุปกรณ์ดังกล่าวในท้องนายเดิร์ก โดยอุปกรณ์เหล่านี้ประกอบด้วยเข็มซากหน้ากากผ่าตัด ผ่าพันแผลยาว 6 นิ้ว และอื่น ๆ

www.teenee.com

PostHeaderIcon หงุดหงิดเพราะขาดน้ำ

 
 

 


ผลการศึกษาใหม่ชี้ การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจก่ออารมณ์หงุดหงิดได้ง่ายกว่าปกติ รวมถึงมีผลต่อระบบประมวลผลในสมอง

นิตยสาร The Journal of Nutrition ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดซึ่งนักวิจัยพบว่า ภาวะขาดน้ำในมนุษย์เป็นปัจจัยหลักในการเกิดอาการปวดหัว เหนื่อยล้า ขาดแรงจูงใจในการทำงาน และอารมณ์หงุดหงิด

 การศึกษาชี้ว่า ผู้หญิงที่ขาดน้ำน้อยกว่าปกติเพียงร้อยละ 1 ได้รับผลกระทบ ได้แก่อารมณ์หงุดหงิดและอาการปวดศีรษะ

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ The Huffington Post ได้อ้างอิงถึงผลการศึกษาในปี 2009 โดยนักวิจัยจาก Tufts University ว่าการขาดน้ำในร่างกาย สามารถนำไปสู่ภาวะอาการเหนื่อยล้า สับสน และอารมณ์ขุ่นมัว ซึ่งการศึกษานี้ได้ทำการศึกษานักกีฬาเพศหญิงที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น

ถึงแม้ว่าการศึกษาเกี่ยวกับภาวะร่างกายขาดน้ำกับผลกระทบทางอารมณ์จะทำขึ้นกับ ผู้หญิง แต่ผลการศึกษาสามารถนำมาใช้กับผู้ชายได้เช่นกัน และนิตยสาร TIME ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอนั้น ทำได้โดยการดื่มน้ำเปล่า และงดเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยสารคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ สำหรับ ปริมาณน้ำเปล่าที่ควรดื่มในแต่ละวันนั้น สามารถเช็คโดยง่ายจากสีของปัสสาวะ ซึ่งเมื่อไหร่ที่สีปัสสาวะเข้มกว่าปกติ แสดงว่าร่างกายกำลังต้องการน้ำมากขึ้น

ขอบคุณ VoiceTV

PostHeaderIcon นาซ่าพบหลักฐานทะเลสาบโบราณบนดาวอังคาร

 
 

นาซ่าพบหลักฐานทะเลสาบโบราณบนดาวอังคาร

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐหรือนาซ่า เปิดเผยว่า ยานอวกาศสหรัฐ”มาร์ส รีคอนเนสซองซ์ ออร์บิทเตอร์”(เอ็มอาร์โอ) ที่โคจรรอบดาวอังคารพบหลักฐานหลุมทะเลสาบโบราณที่หล่อเลี้ยงด้วยน้ำใต้ดิน  ซึ่งเพิ่มน้ำหนักการสนับสนุนให้แก่ทฤษฎีที่ว่า ครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีสิ่งมีชีวิต   โดยข้อมูลที่ส่งมาจากยานอวกาศสำรวจดาวอังคาร(เอ็มอาร์โอ) แสดงร่องรอยของสารคาร์บอเนต และดินในหลุมแมคลาฟลิ ที่มีความลึกประมาณ 2.2 กิโลเมตร  ทำให้เชื่อว่า หลุมนี้เคยเป็นทะเลสาบมาก่อน
 

ขณะที่  นายริช ซูเร็ค   นักวิทยาศาสตร์ของยานเอ็มอาร์โอบอกว่า

การค้นพบครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า ดาวอังคารมีความซับซ้อนมากกว่าที่คาดไว้  และในบางพื้นที่น่าจะมีการเผยสัญญาณของสิ่งมีชีวิตโบราณ  ส่วนยานคิวริออสซิติอีกลำของนาซาได้สำรวจพื้นผิวบนดาวอังคาร นับตั้งแต่ลงจอดเมื่อวันที่  6 สิงหาคมปีที่แล้ว เพื่อเก็บตัวอย่างหินต่างๆ  พร้อมกับส่งภาพกลับมายังพื้นโลก

www.teenee.com

PostHeaderIcon เฟสบุ๊กเตรียมเปิดตัว facebook phone 15 ม.ค. นี้ ?

Mobile & Tablet

เฟสบุ๊กส่งเทียบเชิญสื่อมวลชนร่วมงาน “see what we’re building” @ สำนักงานใหญ่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ม.ค. 2013 ซึ่งแหล่งข่าวยืนยันว่า “ซัมติงที่สร้าง”  นี้ ไม่ใช่อื่นใด มันคือ facebook phone ที่ว่าจะมาตามข่าวลือเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั่นเอง

” เฟสบุ๊กโฟน จากเฟสบุ๊ก มันออกจะล่าช้าไปสักหน่อย  “ แหล่งข่าวยืนยัน เมื่อไม่นานมานี้เฟสบุ๊ก เพิ่งอัพเดทแอพ facebook  ทั้งเวอร์ชั่นบน iOS และ Andriod ซึ่งทำให้การใช้งานนั้นเร็วขึ้นมาก ซึ่งหากเฟสบุ๊กโฟนนั้น launch สู่ตลาด ก็น่าติดตามว่ามันจะถูกพรีเซ้นต์ออกมาในรูปแบบใด? ในเมื่อเราๆ ท่านๆ ก็ใช้แอพเฟสบุ๊กกันอยู่แล้ว อะไรแล้ว อ่ะนะ!!

www.teenee.com/

PostHeaderIcon จับตาดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส เฉียดโลกใกล้สุด 10 ม.ค. นี้

 
 

 

เว็บไซต์ยูเอสเอทูเดย์ รายงานเมื่อวันที่ 9 มกราคมว่า ดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส กำลังโคจรเฉียดโลกในระยะใกล้ที่สุดในวันที่ 10 มกราคมนี้ เผยมีโอกาสชนโลกในปี 2036 แต่เปอร์เซ็นต์ยังน้อยอยู่

รายงานระบุว่า ดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส (Apophis) เป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 270 เมตร จะโคจรเฉียดโลกในระยะที่ใกล้ที่สุดในวันที่ 10 มกราคมนี้ แต่จะไม่โคจรเข้ามาใกล้โลกเกินระยะ 14 ล้านกิโลเมตรอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงอันตรายของดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสแล้ว นักดาราศาสตร์ได้เปิดเผยว่า มีโอกาสที่จะโคจรมาใกล้โลกถึงขั้นเฉี่ยวหรือชนอยู่เหมือนกัน โดยจากการคาดคะเนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ พบว่า ในปี 2029 (พ.ศ. 2572) มันอาจจะโคจรมาใกล้โลกแบบเฉียดมาก ที่ระยะทาง 30,000 กิโลเมตร หรืออยู่ใกล้กว่าวงโคจรของดาวเทียมสื่อสารเลย และยิ่งไปกว่านั้น ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ยังมีโอกาสชนโลกในปี 2036 (พ.ศ. 2579) แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยมาก

ทั้งนี้ สำหรับดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส ถูกค้นพบเมื่อปี 2004 เป็นดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรที่ไม่แน่นอน คาดคะเนได้ยาก และครั้งหนึ่งเคยมีการคาดคะเนว่า มีโอกาสถึง 1 ใน 45 ที่มันจะชนโลกในปี 2029  ก่อนที่ต่อมาจะมีการประเมินความเสี่ยงใหม่แล้วพบว่ามันไม่ได้มีอันตรายขนาดนั้น และไม่ถึงขนาดชนโลกในปี 2029 แน่นอน ขณะที่หลายปีที่ผ่านมา ก็มีการสร้างกระแสเกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ออกมาตลอด ส่วนทางด้านนาซาก็ได้มีการประเมินความเสี่ยงที่ดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสจะชนโลกว่า อยู่ที่ 1 ใน 250,000 ซึ่งก็พอจะโล่งใจได้บ้างแล้ว

www.teenee.com/

PostHeaderIcon KFC เลิกใช้ไก่จากฟาร์มในจีน หลังพบสารปนเปื้อน

 
 
 

เคเอฟซี ประกาศเลิกใช้ไก่จากฟาร์มในจีนหลังพบสารปนเปื้อนก่อให้เกิดมะเร็ง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำยอดขายลดลง แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเคเอฟซีจะฟื้นตัวได้เร็ว ๆ นี้

วันที่ 9 มกราคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ยัม แบรนด์ส ผู้ดำเนินการร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเคเอฟซี เปิดเผยว่า เคเอฟซีจะเลิกใช้เนื้อไก่จากฟาร์มในประเทศจีน ซึ่งกำลังตกอยู่ภายใต้การสอบสวนของรัฐบาล หากเจ้าหน้าที่จีนยังไม่ประกาศผลการสอบสวน ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เคเอฟซีจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตครั้งนี้ได้

ทั้งนี้ บริษัทยัม ซึ่งกอบโกยเงินมากกว่าครึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการดำเนินการร้านอาหารในประเทศจีน ระบุว่า ยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายได้รับผลกระทบมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ หลังจากการตรวจสอบผู้ผลิตเนื้อไก่ให้ร้านเคเอฟซีของรัฐบาลจีนกลายเป็นข่าวครึกโครมส่งผลให้ลูกค้าบริโภคผลิตภัณฑ์ของบริษัทยัมน้อยลงอย่างฉับพลัน และทำให้ยอดจำหน่ายของร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังลดลงในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีท มีมุมมองว่า ธุรกิจของยัมจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งพร้อม ๆ กับการที่สื่อมวลชนเลิกให้ความสนใจ

ทั้งนี้ หากย้อนไปในปี 2548 ยัมได้ถอดอาหารบางรายการออกจากเมนูของร้านเคเอฟซีในประเทศจีน เนื่องจากมีส่วนผสมของสารซูดานเรด โดยสารเคมีดังกล่าวสามารถเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งได้ และถูกสั่งห้ามใช้ในอาหารโดยรัฐบาลจีน ซึ่งยอดจำหน่ายของร้านฟาสต์ฟู้ดในเครือของยัมได้รับผลกระทบจากกรณีสารซูดานเรดเช่นกัน แต่สามารถฟื้นกลับมาได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ยัม เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทกำลังร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลจีนในการตรวจสอบผู้ผลิตเนื้อไก่ 2 ราย คือ บริษัทหลิวเหอ กรุ๊ป โค และยิงถาย ฟู๊ด กรุ๊ป โค โดยฟาร์มทั้งสองแห่งผลิตเนื้อไก่ ซึ่งมีสารแอนติไบโอติกเกินระดับที่ได้รับอนุญาตให้แก่เคเอฟซี

แหล่งที่มา กรุงเทพธุรกิจ