เตือนปิด”เว็บแคม”หลังใช้ ก่อนถูกแฮ็คเกอร์”แอบส่อง”
องค์กร”Childnet International” เปิดเผยว่า ควรปิดการเชื่อมต่อเว็บแคมเมื่อไม่ใช่งาน และกลุ่มวัยรุ่นไม่ควรเก็บคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องนอน หรือพื้นที่ส่วนตัวอื่นๆ
สถานีวิทยุบีบีซี 5 เปิดเผยการตรวจสอบเว็บไซต์ต่างๆ ที่กลุ่มแฮ็คเกอร์ใช้สำหรับเป็นที่ในการแลกเปลี่ยนภาพและวิดีโอของผู้ใช้ที่ถูกกล้องเว็บแคมของตนเองจับภาพไว้โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบ
ราเชล ฮินด์แมน วัย 20 ปี นักศึกษาหญิงจากเมืองกลาสโกว์ในสก็อตแลนด์ เชื่อว่าเธอตกเป็นเหยื่อของกลุ่มแฮ็คเกอร์ดังกล่าว โดยเธอสังเกตเห็นกล้องเว็บแคมบนแล็ปท็อปของเธอเปิดใช้งานเอง ระหว่างที่เธอกำลังนั่งดูดีวีดี ขณะที่ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
เชื่อว่าแฮ็คเกอร์สามารถเข้าถึงระบบเว็บแคมของคอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้ โดยใช้มัลแวร์ที่ผ่านการควบคุมทางไกล หรือ Remote Access Trojans (RATs) โดย RATs หลายตัวมีฟังก์ชันที่ทำให้แฮ็คเกอร์สามารถเข้าถึงกล้องเว็บแคมของเหยื่อได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว โดยมัลแวร์ดังกล่าว สามารถแพร่ได้ในไฟล์ที่ติดไวรัส หรือด้วยการลวงเหยื่อให้เข้าไปคลิ๊กในเว็บไซต์
นายวิล การ์ดเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Childnet International เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณืแฮ็คเข้ากล้องเว็บแคมเช่นกัน แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง แม้จะบอกไม่ได้ว่าเกิดขึ้นบ่อยเพียงใด แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่คลิ๊กลิงค์หรือเปิดไฟล์แนบที่ส่งมาจากคนที่ไม่รู้จัก และการหันหน้ากล้องเข้ากำแพงหรือหาอะไรปิดไว้ หรือดีที่สุดคือการปิดฝาแล็ปท็อป จะช่วยป้องกันการถูกจับตาได้
ผลการสืบสวนอย่างต่อเนื่องตามเว็บไซต์ต่างๆที่มักพบกิจกรรมการแบ่งปันภาพถ่ายและวิดีโอของผู้ตกเป็นเหยื่อพบว่า มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนภาพของเหยื่อที่เป็นผู้หญิงอย่างโจ่งแจ้ง โดยหนึ่งในผู้ถูกจับกุม ซึ่งระบุชื่อว่า″จอห์น” วัย 16 ปี เคยเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์กว่า 100 ครั้ง มากกว่าครึ่งเป็นการดูเว็บแคมของผู้อื่น เขากล่าวว่า เขาไม่ได้เจาะจงดูอะไรเฉพาะเจาะจง บางครั้งก็สุ่มเปิดเว็บที่มีภาพตลกๆ หรือผู้คนที่กำลังตกใจ หรือเป็นรูปผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียด และเขาไม่รู้สึกกังวลว่าจะถูกสืบจนเจอ
ด้านแมตติ วัย 17 ปี จากฟินแลนด์ เปิดเผยว่า เขาเคยแฮ็คคอมพิวเตอร์คนอื่นๆกว่า 500 ครั้ง และขายข้อมูลการแฮ็คเพื่อแลกกับเงินจำนวนเล็กน้อย ให้แก่ผู้ที่สนใจได้นำโปรแกรมดังกล่าวไปติดตั้งเอง เพื่อที่จะสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์หรือเว็บแคมของเหยื่อได้จากระยะไกล เขากล่าวว่า การเจาะเข้าเว็บแคมของเหยื่อที่เป็นผู้หญิงจะเสียค่าใช้จ่ายราว 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เงินจำนวนเดียวกันนี้สามารถนำไปซื้อการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของเหยื่อที่เป็นผู้ชายถึง 100 คน
ด้านผู้อำนวยการองค์กรเพื่อการเรียกร้อง Get Safe Online กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะมักเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซอฟท์แวร์รุ่นเก่า ที่ไม่มีการอัพเดท ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีการอัพเดทซอฟท์แวร์ป้องกันไวรัส
ด้านนายจอสส์ ไรท์ นักวิจัยจากสถาบันอินเตอร์เน็ตอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า เขาไม่รู้สึกกังวลว่าวิธีการเช่นนี้จะขยายตัวไปมากกว่านี้ และการอัพเดทซอฟท์แวร์ป้องกันไวรัสจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดไวรัสไปได้มาก แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน