นักบินอวกาศผู้เหยียบดวงจันทร์คนแรกเสียชีวิตแล้ว
|
|||
|
ครรภ์ปลอม
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
Siri คืออะไร เรียนรู้ประโยชน์ที่นำมาสู่อนาคต
คงจะเริ่มรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวกระโดดจนแทบจะตามกันไม่ทัน หนึ่งในผู้นำทางอุปกรณ์ไฮเทคคงหนีไม่พ้น Apple ที่หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัว iPhone 4S ก่อเกิดคำถามมากมายถึงโปรแกรมตัวใหม่จะมีชื่อสั้นๆว่า Siri มันคืออะไรและมีประโยชน์แบบไหน เดี๋ยวเรามารู้กัน แต่ที่แน่ๆ ผมว่าตัว Siri เป็นมาตราฐานและต้นแบบของอนาคตในยุคต่อๆไปแน่นอน เปลี่ยนจาก Touch Control มาเป็น Voice Control
Follow up:
Siri เป็นเสมือนเลขาคนเก่งที่คอยช่วยเหลือเราผ่านทางอุปกรณ์
Siri คือ ชุดโปรแกรมที่รับคำสั่งจากเสียงที่ซับซ้อน แล้วแสดงผลออกมาเป็นแบบที่ต้องการ หรือจะให้ผมอธิบายง่ายๆก็คือ เราอยากได้อะไร ให้บอก Siri เดี๋ยวมันจัดการทำให้เอง ไม่ว่าจะเป็น การติดตามหุ้นตัวโปรด ฟังเพลงที่ชื่นชอบ คนหาที่อยู่เพื่อนรัก เปิดงานเอกสารที่ต้องการ ทุกอย่างทำได้ด้วย Siri
มุมมองใหม่ของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีมาเป็น Voice Control ด้วย Siri
เห็นกันอยู่ทุกวันกับการโฆษณารถยนต์ยี่ฮ้อหนึ่งของอเมริกาในเรื่องการควบคุมระบบการเล่น Multimedia ด้วยชุดคำสั่งเสียง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคำสั่งเหล่านั้นถูกบันทึกหรือตั้งค่าล่วงหน้าไว้ก่อนที่จะมีการนำไปใช้จริง แต่โปรแกรม Siri แตกต่าง เพราะมันสามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบของเสียงเราได้ ซึ่งช่วงแรกของโปรแกรม Siri อาจจะมีผิดพลาดกันได้ เพราะเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของผู้ใช้นั้น อาจจะถูกรบกวนด้วยสภาพแวดล้อม จนทำให้ประมวลผลออกมาผิดพลาด แต่หากใช้ Mic Bluetooth ในการออกคำสั่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพียงแต่เราอาจจะต้องรอ Siri เวอร์ชั่นภาษาไทยเท่านั้น
ประโยชน์ของ Siri ไม่ได้เพียงแต่มองเพียงแค่วันนี้ แต่มองก้าวข้ามไปยังอนาคต
จากภาพยนต์ที่เราสามารถแตะจอคอมพิวเตอร์ลากไปมาได้ จนมาถึงเราสั่งให้มันทำงานได้ คงจะทำให้ผู้อ่านพอจะมองภาพโลกในยุคต่อไปได้เป็นอย่างดี สั่งให้ Siri ทำงานเป็นผู้ช่วยเราใน iOS ได้ในวันนี้ ในอนาคตเพียงแค่เอาหุ่นยนต์ที่มีระบบการเคลื่อนไหวดีๆมาผสมเข้ากับโปรแกรม Siri ไม่นาน เราคงได้เห็นหุ่นยนต์เดินอยู่ตามท้องถนนเป็นแน่
อนาคตของ Siri เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่มีกำลังทรัพย์ไม่เยอะถึงขนาดต้องรีบไปหามาใช้ เพียงแต่เรารู้ว่ามันคืออะไร เข้าใจมัน เพียงเท่านี้ เราก็ถือว่าไม่ตกยุค และพร้อมที่จะเผชิญกับอนาคตที่ทันสมัยอย่างรู้เท่าทัน
ภาพประกอบ: geeky-gadgets, blogspot
http://teeraprol.blogtika.com/?title=siri&more=1&c=1&tb=1&pb=1
เมฆสึนามิ โผล่ที่ หนองบัวลำภู
ตามที่เว็บไซต์ ข่าวสด ได้นำเสนอภาพ เมฆสินามี แผ่เข้าปกคลุมเมืองปานามาซิตี้ ชายฝั่งทะเลรัฐฟลอริด้า ล่าสุด นายวิโรจน์ คงพุฒิคุณ อายุ 48 ปี ช่างภาพสมัครเล่น บ้านอยู่ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เผยว่าตนเองได้บันทึกภาพ ปรากฏการณ์คล้าย เมฆสึนามิ ไว้ได้ถึง 2 ครั้งด้วยกัน
โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า ภาพที่ตนถ่ายมามีลักษณะเหมือนคลื่นเมฆ ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน และหากได้ถ่ายภาพในมุมสูง ภาพก็คงจะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เกิดในรัฐฟลอริด้าแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ‘เมฆสึนามิ’ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาดูได้ยาก
Mthai News
สูบบุหรี่ทำผู้ชาย “โง่” ลง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลการศึกษาที่พิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดังอย่าง Archives of General Psychiatry ซึ่งศึกษาตัวอย่างเพศชายกว่า 6,000 คน และ ผู้หญิงอีก 2,100 คน ผลการศึกษาระบุว่าสารในบุหรี่จะเข้าไปทำลายส่วนต่างๆ ของสมองจนมีประสิทธิภาพการทำงานลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว หรือ สมองจะโง่ลง นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพศชาย
อย่างไรก็ตาม นายเซเวริน เซเบีย ผู้เชี่ยวชาญจาก มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) ยังกล่าวอีกว่า ผลวิจัยนี้ยังครอบคลุมถึงนักสูบขาจร ที่สูบเฉพาะเวลาออกงาน หรือเข้าสังคมอีกด้วย
สาวอินเดีย 3 พี่น้อง ป่วยโรคมนุษย์หมาป่า
Mthainews: สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน พบพี่น้องหญิงชาวอินเดีย 3 คน มีใบหน้า รวมทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยขน หรือที่เรียกว่า โรคมนุษย์หมาป่า เกิดจากความผิดปกติของขนตามร่างกายทำใ้ห้เกิดขน ขึ้นหนาแน่น และมีความยาวมากกว่าปกติ
สาวิตรา วัย 23 ปี โมนิชา วัย 18 ปี และ สาวิตรี วัย 16 ปี พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆในรัฐปูเน่ ตอนกลางของอินเดีย พวกเธอทั้งสามคนพยายามรักษาโรคด้วยตนเองโดยการทาครีม หวังว่าจะหายจากโรค และก็เชื่อว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์รักษาเพื่อขจัดขนที่มากเกินปกติออกไป
ไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อกลายเป็นไขมัน!?
1 ในความเชื่อผิดๆ ของคนที่พึ่งเริ่มออกกำลังกาย คือ ไขมันของเราสามารถเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อได้ ถ้าเราออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส หรือยิม และคนที่มีกล้ามใหญ่ๆ หากทิ้งไว้ไม่ออกกำลังกายเลย กล้ามจะกลายเป็นไขมัน แล้วจะเปลี่ยนเป็นคนอ้วน แทน
ในความเป็นจริงแล้ว ไขมันไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อได้ แต่อาจจะเพราะความเชื่อที่ว่าให้กินเยอะๆ ตอนที่จะสร้างกล้าม ตัวจะได้ใหญ่ๆ แล้วมันจะกลายเป็นกล้ามตอนเรายกเวท หรือเข้ายิม ในความเป็นจริงแล้วกล้ามเนื้อนั้นถ้ามันจะใหญ่ขึ้นได้ มันเกิดจากเราใช้งานมันหนัก เกินกว่าการทำงานในปกติของมัน จนเกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อบางส่วน ซึ่งก็คือเกิดจากการเข้าฟิตเนสเข้ายิมนั่นเอง จากนั้นร่างกายก็จะพัฒนาและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายนั้น เพื่อให้สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักขึ้นได้ และสิ่งที่ทำให้เกิดการพัฒนาและซ่อมแซมนั้นก็คือโปรตีน และสารอาหาร บวกกับการพักผ่อนที่เพียงพอ ไม่ได้เกิดจากการดึงไขมันมาเปลี่ยนเป็นกล้ามอย่างที่เข้าใจผิดกัน
ในทางกลับกัน กล้ามเนื้อก็ไม่สามารถกลายเป็นไขมันได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน เพราะไขมันคือพลังงานเหลือใช้ที่ร่างกายเราเก็บสะสม ไว้หากเรากินอาหารโดยเฉพาะจำพวกแป้งและไขมัน มากเกินกว่าที่ร่างกายเราจะดึงไปใช้เป็นพลังงานมันจะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมันยิ่งไม่ใช้ มันยิ่งจะเพิ่มขึ้น ต่างจากกล้ามเนื้อที่หากเรายิ่งไม่ได้ใช้มัน ร่างกายเราจะคิดว่ากล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน เป็นส่วนที่กินพลังงานเกินความจำเป็น เพราะยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก มันก็จะยิ่งใช้พลังงานมากในการทำงาน ดังนั้นหากคนที่มีกล้ามหรือเล่นกล้าม หยุดหรือลดการใช้กล้ามเนื้อของเค้า ร่างกายก็จะเริ่มปรับสภาพ ลดกล้ามเนื้อที่กินพลังงานเกินความจำเป็นลง แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเรายังกินเท่ากับตอนที่เรายังพยายามสร้างกล้ามเนื้ออยู่ สารอาหารหรือพลังงานที่เกินมาพวกนั้นก็จะสะสมอยู่ในรูปไขมันแทน ทำให้ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อเรานิ่มลงจนกลายเป็นไขมันนั่นเอง
http://www.gmlive.com
พิษไข่แมงดา
น.พ.เด่นชัย ศรกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ได้ออกโรงกล่าวเตือนนักท่องเที่ยว ว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ประเภทไข่แมงดาทะเลในช่วงเดือน ก.พ.-มิ.ย. เนื่องจากช่วงระยะเวลาดังกล่าวไข่แมงดามีพิษรุนแรงนั่นเอง
ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมาได้พบผู้ป่วยจากพิษไข่แมงดาเป็นรายแรก และได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจังหวัดชลบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับอาการทั่วไปหากได้รับพิษไข่แมงดานั้น ปกติจะเกิดขึ้นประมาณ 10-45 นาที ถึง 3 ชั่วโมง หลังรับประทานเข้าไป โดยจะมีอาการมึนงง รู้สึกชาบริเวณลิ้น ปาก ปลายมือ ปลายเท้า และมีกล้ามเนื้ออ่อน รวมทั้งอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก อาจเสียชีวิตภายใน 6-24 ชั่วโมง
ความมืดมีประโยชน์ ต้านมะเร็ง-ลดน้ำหนัก
ความมืดเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็ง และช่วยลดน้ำหนักตัวได้ด้วย นักวิทยาศาสตร์บอกว่า การได้รับแสงสว่างมากเกินไปในเวลากลางคืน มีความเชื่อมโยงกับมะเร็งเต้านม ซึ่งจากรายงานวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า การได้รับแสงสว่างจากไฟฟ้ามากไปในเวลากลางคืนก็สามารถลดภูมิต้านทานของคนเราต่อโรคนี้ด้วย
แสงสว่างในตอนกลางคืนจะรบกวนการผลิต “ฮอร์โมนความมืด” นั่นคือ เมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารตามธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ช่วยต้านมะเร็ง ผลิตจากต่อมไพเนียล หรือต่อมใต้สมอง เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับยาต้านมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ เมลาโทนินยังช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งคอยโจมตีเนื้องอกด้วย
ความมืดไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อมะเร็งเต้านมเท่านั้น นักวิจัยของมหาวิทยาลัยไฮฟาในอิสราเอล ยังพบว่า ในประเทศที่ติดไฟส่องสว่างตามท้องถนนอย่างมากมาย จะมีคนเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในอัตราสูง ซึ่งแสงสว่างจากไฟฟ้าไม่เพียงยับยั้งการผลิตเมลาโทนิน หากยังบั่นทอนระบบภูมิคุ้มกัน และรบกวนนาฬิกาชีวภาพในร่างกายด้วย ทั้งหมดนี้จะลดการต่อต้านมะเร็งต่อมลูกหมากตามธรรมชาติ
“นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง ปิดไฟให้มืดหมด” ศาสตราจารย์อับราฮัม อาอิม บอก “แต่เราต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เมื่อกำหนดนโยบายพลังงาน”
เขาพบว่า ผู้ชายในกลุ่มประเทศที่ได้รับไฟส่องสว่างตอนกลางคืนสูงที่สุด จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 80% ต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เมื่อเทียบกับผู้ชายในกลุ่มที่ได้รับแสงสว่างตอนกลางคืนน้อยที่สุด
นอกจากนั้นแล้ว ความมืดยังส่งผลดีดังนี้
ช่วยให้อารมณ์ดี
แสงสีฟ้าจากจอโทรทัศน์ได้ยับยั้งฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งช่วยให้อารมณ์ดี ดังนั้นการดูทีวีจนดึกดื่นจึงทำให้อารมณ์ไม่แจ่มใส “อัตราการเป็นโรคซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้น มีความสัมพันธ์กับการใช้แสงสว่างเพิ่มขึ้นในเวลากลางคืนของสังคมสมัยใหม่” ศาสตราจารย์แรนดีบอก
ช่วยให้นอนหลับ
ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า คนงานระบบกะที่ได้นอนหลับในห้องที่มีการดับไฟหรือม่านบังแสง จะนอนหลับได้ดีกว่าคนที่นอนในห้องที่สว่าง
การใส่ผ้าปิดตาในตอนกลางคืนจะช่วยให้คนที่นอนไม่ค่อยหลับสามารถหลับได้ดีขึ้น ในช่วงพักผ่อนตอนกลางคืนนั้น สมองจะเปลี่ยนสิ่งที่ได้ประสบพบเห็นเป็นความทรงจำ และพัฒนาขีดความสามารถในการเรียนรู้ ขณะที่ร่างกายจะผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทนเซลล์เก่า และเติมพลังแก่อวัยวะและกล้ามเนื้อช่วยลดน้ำหนัก
ช่วยลดน้ำหนัก
เมื่อถึงยามกลางคืน การดับไฟอยู่ในที่มืดจะช่วยลดการกินจุบกินจิบในตอนดึก คนที่ใช้ชีวิตในแสงสว่างมากๆ มักไม่สามารถลดน้ำหนักตัวได้
การกินในยามค่ำคืนยังรบกวนการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น เลปติน, คอร์ติโซล, และอินซูลิน ที่ควบคุมความอยากอาหารและระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าฮอร์โมนเหล่านี้ถูกรบกวนเพราะเราไม่ยอมนอนเมื่อถึงเวลากลางคืน เมื่อเวลาผ่านไปการเผาผลาญอาหารจะช้าลง ความอยากอาหารจะเพิ่มขึ้น สถิติบ่งชี้ว่า ผู้หญิงที่กินตอนกลางคืน จะกินอาหารประเภทน้ำตาลและไขมันมากกว่าผู้หญิงที่นอนหลับตามความจำเป็นถึง 33% เลยทีเดียว
ตั้งนาฬิกาชีวภาพใหม่
ความมืดเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความเที่ยงตรงของนาฬิกาในตัวเรา แต่ขณะที่บรรพบุรุษของเราเข้านอนเมื่อมืดลง และนอนเร็วขึ้นในฤดูหนาวนั้น พวกเรากลับตื่นอยู่จนดึกดื่นค่อนคืน บางคนยังคงช็อปปิ้ง ทำงาน ใช้คอมพิวเตอร์ ดูทีวี หรือนอนหลับก็ยังเปิดไฟ การรบกวนวงจรเวลาของร่างกายเช่นนี้ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่าง
ที่มา : http://www.vchakarn.com