PostHeaderIcon ฝนดาวตก

ประมวลภาพปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์
(Geminids Meteor Shower)

ในวันที่ 13-14 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ณ บริเวณยอดดอนอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

 


 
 
 
 
 
 
 
 

PostHeaderIcon อันตราย มอมยาสาวด้วยโดมิคุม

PostHeaderIcon กรมศิลป์ขุดวังหน้าพบกำแพงโบราณอายุ 230 ปี

 
 

 กรมศิลปากร ทำการขุดพระราชวังหน้าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พบแนวกำแพงโบราณ-โบราณวัตถุอายุ150- 230 ปี ต้นรัตนโกสินทร์ เร่งเก็บข้อมูลเปรียบเทียบหลักฐานเดิม

นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ได้รับบรายงานความคืบหน้าโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล บริเวณพิพิธภถัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โรงละครแห่งชาติ โรงละครหอศิลป์ วังหน้า และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) ให้มีความเหมาะสมกับความสำคัญของการเป็นพระราชวังในอดีต ซึ่งได้มีการรวบรวมและเก็บกู้หลักฐานทางโบราณคดี ข้อมูลทางประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในการใช้พื้นที่บริเวณวังหน้า ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันอย่างละเอียดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่วังหน้า คือพระราชวังที่ประทับของพระมหาอุปราช หรือมีชื่อเรียกทางการว่า พระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง

นายสหวัฒน์กล่าวต่อว่า จากการขุดค้นในระยะที่ 1 พื้นที่ด้านทิศใต้หมู่พระวิมาน ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พบแนวอิฐส่วนฐานรากอาคารก่ออิฐถือปูน อยู่ด้านหน้าพระที่นั่งทิกษิณาภิมุข สันนิษฐานว่าเป็นอาคารยุคแรกๆ ของวังหน้า และพบเป็นแนวกำแพงล้อมพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นท้องพระโรงที่ว่าราชการในสมเด็จพระบวรราชเจ้า สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ในรัชกาลที่ 3 รวมถึงพบร่องรอบธรณีประตูจากแผ่นหินดาดปูด้านข้าง ที่สำคัญยังพบโบราณวัตถุในดินจำนวนหนึ่งเป็นวัตถุประเภทเศษภาชนะ เครื่องใช้ในครัวเรือนเครื่องประกอบสถาปัตยกรรม อาวุธปืน และเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายทหาร

อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า คาดว่าน่าจะอยู่ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1-5 มีอายุตั้งแต่ 150-230 ปี เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเคยเป็นพระราชวังมาก่อน แต่ละสมัยได้มีการรื้อถอนและปรับโครงสร้างของพระราชวังจึงทำให้โบราณวัตถุถูกฝังไว้ในดิน อย่างไรก็ตามการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมามีการขุดพบเฉพาะพื้นที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสนามหลวงเท่านั้น

www.teenee.com/

PostHeaderIcon ทะเลแดง

ไม่ได้เกี่ยวกับ “ทะเลแดง” ที่คั่นกลางระหว่างทวีปเอเชียกับแอฟริกา แต่ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับท้องทะเลและทำให้ทะเลบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดง (Red Tide) ซึ่งรู้จักกันในอีกชื่อเรียกที่น่าจะบรรยายได้ชัดกว่า ก็คือ “การขยายตัวแบบผิดปกติของสาหร่ายทะเล” (Algal Bloom) มีผลให้ทะเลบริเวณดังกล่าวปกคลุมด้วยสีแดงของสาหร่าย ซึ่งก็จะคล้ายๆ กับการเกิดขึ้นของจอก แหน ผักตบชวา เป็นเหตุให้น้ำเสีย สิ่งมีชีวิตอยู่ไม่ได้เนื่องจากขาดอากาศ

ปรากฏการณ์ทะเลแดง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่ง โดยสิ่งที่แพร่กระจายได้รวดเร็วจนปกคลุมผืนน้ำเป็นบริเวณกว้าง และเห็นเป็นสีเขียว น้ำตาล หรือแดง จริงๆ แล้วจัดเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีลักษณะคล้ายพืชที่มีคลอโรฟิลล์

ในแต่ละแห่งปรากฏการณ์ทะเลแดง (น้ำตาลหรือเขียว) จะเกิดขึ้นแตกต่างกันไป โดยในบ้านเราอาจจะเป็นผักตบชวา จอก แหนสีเขียว ขณะที่ทางฝั่งอเมริกา เช่น ฟลอริดาหรืออ่าวเม็กซิโกจะออกเป็นสีแดง

เมื่อพวกมันปกคลุมพื้นที่และมีความหนาแน่นมากๆ น้ำบริเวณนั้นก็จะขาดออกซิเจน ไม่โดนแสงเดือนแสงตะวัน กลายเป็นน้ำเน่าเสีย และอาจพัฒนาไปเป็นบริเวณที่มีพิษ (ทั้งน้ำและตัวสาหร่าย จอก แหน ฯลฯ) ในที่สุด นอกจากส่งผลกระทบต่อปลากับสัตว์น้ำตื้นแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อนกน้ำและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบริเวณชายฝั่งได้ และไม่แปลกที่จะส่งผลกระทบมาถึงสุขภาพมนุษย์เรา หากได้รับประทานสิ่งมีชีวิตบริเวณชายฝั่งที่โดนพิษเข้าไป ตั้งแต่หอยนางรม และอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ทะเลแดงเกิดขึ้นมานับพันๆ ปีแล้ว และมิใช่ว่าทุกการแพร่กระจายของพวกมันจะต้องเกิดเป็นพิษขึ้น

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่อาหารของเจ้าสาหร่าย จอก แหน ฯลฯ ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่เป็นผลพวงมาจากการปล่อยน้ำเสีย การเพิ่มขึ้นมากเกินไปของจำนวนประชากรในชุมชน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ สืบเนื่องจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์เรานั่นเอง

ในอีกระดับปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ และจำนวนประชากรสัตว์ชายฝั่ง ขณะที่จากอดีตเป็นต้นมา ปรากฏการณ์ทะเลแดงไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิต แต่อาจก่อความรำคาญจากการเจ็บป่วย และทำให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ เช่น ที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา พิษจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่สั่งสมอยู่ชายฝั่งทะเลทำให้อากาศบริเวณดังกล่าวเกิดก๊าซพิษ มีผลให้คนแถวๆ นั้นไอ จาม และเกิดอาการระคายเคืองตา

ในปี 1972 เกิดปรากฏการณ์ทะเลแดงในนิวอิงแลนด์ กลายเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อโรคประเภทอเล็กซานดริอุม (โกนีโอแลกซ์) ล่าสุดในปี 2005 พบว่าปรากฏการณ์ทะเลแดงทางตอนใต้ของแคนาดาแผ่ขยายออกไปมากกว่าที่เกิดขึ้นในปีก่อนๆ โดยเรือหาปลาโอเชียนัส เป็นผู้สังเกตเห็นหอยจำนวนมากลอยขึ้นมาตายเป็นแพบริเวณผิวน้ำ ซึ่งเชื่อมต่อกับรัฐเมนและแมสซาชูเซตส์ของอเมริกา และตั้งท่าจะลามไปยังลองไอส์แลนด์ รัฐนิวยอร์กนู่นเลย

ผู้เชี่ยวชาญพบร่องรอยการแพร่พันธุ์ของปรสิตที่ทำท่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่เพียงแต่จะทำลายระบบนิเวศเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบเรื่องการประมง รวมทั้งฟาร์มหอยบริเวณชายฝั่ง นอกจากนี้ยังน่าเป็นห่วงเรื่องการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของลองไอส์แลนด์อีกด้วย

ที่มา http://www.posttoday.com/

PostHeaderIcon ขายหุ่นสามมิติ ‘ทารกในครรภ์’

 
 


บริษัทญี่ปุ่นเสนอบริการใหม่ รับสั่งทำรูปจำลองของลูกน้อยในท้องแม่ ผลิตด้วยเรซิน สร้างจากภาพสแกนทารก ขายในราคา 36,000 บาท

โตโมฮิโร คิโนะชิตะ แห่งบริษัทฟาโซเท็ก บอกว่า หุ่นจำลองขนาด 3.6 นิ้วนี้ ทำออกมาเป็นสีขาว บรรจุในบล็อกที่เป็นรูปร่างของครรภ์มารดา โดยนำภาพสแกนด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอมาพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์แบบสามมิติ

“เนื่องจากเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผู้หญิงจะตั้งท้อง พวกเธอจึงอยากได้โมเดลของลูกในครรภ์ เพื่อเก็บความรู้สึกและประสบการณ์ในช่วงเวลานี้ไว้”

หุ่นจำลองทารกนี้ทำด้วยเรซิน ขายในราคา 1 แสนเยน หรือราว 36,000 บาท แถมพร้อมด้วยโมเดลที่ย่อเป็นขนาดจิ๋วสำหรับเป็นเครื่องประดับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสาวๆญี่ปุ่นนิยมนำของตกแต่งมาใส่สายห้อยไว้กับมือถือของตัวเอง

ทางบริษัทบอกว่า ช่วงเวลาที่เหมาะที่จะสแกนภาพเพื่อทำโมเดลดังกล่าวคือ อายุครรภ์ 8-9 เดือน ซึ่งทารกได้โตเต็มที่แล้ว

ถ้าเห็นว่าราคาขนาดนั้นสูงเกินไป บริษัท FASOTEC ยังมีอีกขนาดให้เลือก คือ สั่งทำเฉพาะภาพใบหน้าของลูกน้อย คิดค่าบริการราว 18,000 บาท

ในการทำรูปจำลองอย่างหลัง ใช้ภาพอัลตราซาวด์จากคลินิกแพทย์แห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ซึ่งเชื่อมโยงกับเครื่องพิมพ์สามมิติที่บริษัทนี้

ที่มา news.voicetv

 

 

 

 

PostHeaderIcon ออกกำลังกายอย่างไร..ให้อายุยืน

 
 

 ใช่ว่าเดินวิ่งไปวันๆ แล้วจะมีสุขภาพดีอายุยืน เรามีเคล็ดลับมาบอกให้วันคืนของคุณยาวไปอีกนาน

ขึ้นบันได
ในปี 2008 การศึกษาจากสวิสเซอร์แลนด์เปิดเผยว่าคนที่มีชีวิตเฉื่อยชาแต่เปลี่ยนจากการขึ้นลิฟต์เป็นการขึ้นบันไดนั้น จะลดโอกาสเสียชีวิตก่อยวัยอันควรได้ถึงร้อยละ 15 นอกจากนี้ ยังเคยมีข้อมูลจาก Harvard Alumni Health Study บ่งบอกว่า การขึ้นบันไดมากกว่าเดิม 35 ชั้นต่อสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มอายุขัยได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับคนที่ขึ้นพียง 10 ชั้น (เมื่อแบ่งก็จะเป็นวันละ5ชั้น/สัปดาห์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องขึ้นติดๆ กันก็ได้)

ปั่น…ให้เร็วขึ้น
การปั่นจักรยานไปจ่ายตลาดเป็นอีกวิธีที่หากคุณอยากออกกำลังกายกลางแจ้ง แถมยังประหยัดเงินค่ารถ แต่การปั่นจักรยานตามสบาย แม้คุณจะเหงื่ออก แต่ก็ไม่ช่วยเรื่องอายุขัย เท่ากับการที่คุณตั้งหน้าตั้งตาปั่นเร็ว เคยมีการศึกษาจากโคเปนเฮเกนพบว่า กลุ่มชายที่ปั่นจักรยานเร็วที่สุดนั้นจะมีอายุขัยยืนยาวกว่าชายที่ปั่นจักรยานช้าถึง 5 ปี ส่วนในกลุ่มผู้หญิงนั้นความแตกต่างมีถึง 4 ปี

ไปว่ายน้ำกันเถอะ
ในปี 2009 จากการศึกษาจาก Aerobis Center Longitudinal Study พบว่าคนที่ว่ายน้ำเป็นประจำจะมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าชายอายุเท่ากันที่ไม่ออกกำลังกายถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้ นักว่ายน้ำยังมีอายุขัยสูงกว่าชายที่เดินหรือวิ่งเป็นการออกกำลังกายด้วย

เดิน ฉับ ฉับ ฉับ!
จังหวะเดินเร็ว ไม่ใช่ตัวชี้ว่าคุณจะมีอายุยืนยาวรึเปล่า จังหวะการเดินของคุณนั้นถูกเลือกโดยร่างกายของเรามาแล้วว่าเดินอย่างนี้แหละเหมาะกับคุณแล้ว เพียงแต่คุณอาจจะอยากเดินเร็วขึ้นอีกสักนิด เพราะเคยมีการศึกษาชี้ว่าคนเดินเร็วนั้นมีชีวิตยืนยาวกว่าคนเดินช้า

ออกกำลังกาย 15 นาที
บางคนเชื่อว่าการออกกำลังกายนั้นต้องใช้เวลาถึง 30 นาที จึงจะได้ประโยชน์ แต่หลายคนประสบปัญหาว่าไม่มี 30 นาทีนั้น ความจริงคือการออกกำลังเพียง 15 นาทีต่อวัน ก็จะช่วยยืดอายุขัยได้มากถึง 3 ปีแล้ว

เพิ่มความแรง
เดินให้เร็วขึ้นหรือปั่นจักรยานให้ไวขึ้นก็ล้วนแต่มีธีมหลักคือความเข้มข้นของการออกกำลังกาย โดยรวมแล้วการออกกำลังกายอย่างหนัก (Vigorous Activities) จะช่วยให้อายุขัยของคุณยืนยาวได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบเบาๆ ยกตัวอย่างเช่น การเดินเพียง 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์ จะช่วยให้อายุขัยยืนขึ้นตั้งแต่ 1.3-1.5 ปี แต่การวิ่งประมาณ 30 นาที ในความถี่เดียวกันจะช่วยเพิ่มอายุขัยถึง 3 ปี

www.teenee.com

PostHeaderIcon ท่านั่งที่ถูกเว้นท่า 2

 

PostHeaderIcon มังคุด

BIM100 ( บิมร้อย , บิม100 ) มีที่มาจากความต้องการนำเสนอผลงานวิจัย Operation Bim โดยนักวิทยาศาสตร์ไทย 6 ท่าน นำโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา เป็นนักวิจัยกลุ่มแรกที่ได้คิดค้นและค้นพบสารสกัด GM-1 จากมังคุด ซึ่งได้พบว่ามีคุณสมบัติและสรรพคุณดีๆมากมาย ทำให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดีเยี่ยมยิ่งขึ้น  ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นในระดับที่สมดุล ห่างไกลโรค
   เพื่อเป็นการง่ายต่อการทำความเข้าใจ จึงได้มีการเชิญผู้ป่วย ผู้เจ็บไข้ทรมานจากโรคต่างๆ ซึ่งมีผสมปนเปอยู่ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ มาเล่าเรื่องที่แต่ละท่านได้ประสบเจอมา เกี่ยวกับภาวะภูมิคุ้มกันไม่สมดุล ป่วยไข้ด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น กระเพาะ และ ลำไส้อักเสบ ภูมิแพ้ SLE มะเร็ง เบาหวาน สะเก็ดเงิน ไตวาย ตับอักเสบ สันนิบาต สิวอักเสบ เอดส์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้อเข่าเสื่อม ฯลฯ แต่ด้วยความมหัศจรรย์รวมทั้งประหลาดใจยิ่ง โรคภัยที่เป็นอยู่จึงได้หาย สุขภาพดีมากขึ้น ที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และได้มีการใช้ผลิตภัณฑ์สกัดจากธรรมชาติ (มังคุด) ที่เรียกว่า GM-1 เป็นสูตรเพื่อสุขภาพ BIM (บิม) ปฏิบัติการเพื่อภูมิคุ้มกันสมดุล มีผลงานวิจัยจากศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยรองรับ  ซึ่งเป็นการเผยแพร่ภูมิปัญญาไทยไปสู่ผู้คนหลายประเทศทั่วโลกแล้วในขณะนี้
    ดังนั้น BIM100 (บิมร้อย) จึงเกิดขึ้นให้ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยได้มีสุขภาพ แข็งแรง กันทุกคน อายุยืนยาวเกิดกว่า 100 ปี สิ่งที่ตามมาก็คือ BIM Society สมาชิกของกลุ่มคือ ผู้ที่มีสุขภาพดี แข็งแรง คุณภาพชีวิตดี ไม่มีโรคภัย ดั่งคำที่ว่า การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

BIM100 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อภูมิคุ้มกันสมดุล สุขภาพดี อายุยืนด้วยแคปซูล GM-1 จากมังคุด

www.teenee.com

PostHeaderIcon พบมัมมี่สุนัขอายุกว่าพันปี ที่เม็กซิโก

 
 


สำนักข่าวต่างประเทศ เผยภาพมัมมี่สุนัข ตัวแรกที่้ค้นพบในประเทศเม็กซิโก ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ไขความลับที่ว่า สุนัขเป็นตัวช่วยในการออกล่าเหยื่อของมนุษย์ยุคโบราณ

มัมมี่สุนัขอายุกว่า 1,000 ปีนี้ถูกขุดพบที่ถ้ำในเมือง Coahuila เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของเม็กซิโก ขณะนี้ถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประจำเมือง Torreon รัฐโกอาวีลา

นอกจากนี้นักโบราณคีดกล่าวเสริมด้วยว่า ชนเผ่าเร่ร่อนในยุคโบราณทำให้สุนัขเชื่องเพื่อเป็นเพื่อนร่วมทางในการล่าสัตว์ ร่างของพวกมันกลายเป็นมัมมี่โดยธรรมชาติ เนื้อของมันแห้งติดกระดูกไปตามกาลเวลาจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งของทะเลทราย อีกทั้งพวกมันถูกขุดเจออยู่ข้างมัมมี่มนุษย์ด้วย

อย่างไรก็ตามจะต้องมีการทดสอบเพื่อหาอายุที่แท้จริงและสายพันธุ์ของมัมมี่สุนัขเหล่านี้ต่อไป

ที่มา news.voicetv

PostHeaderIcon วิธีเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต

 
 


 ก่อนที่จะไปบริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทย เราควรจะต้องทราบก่อนว่า จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ขั้นตอนและวิธีปฎิบัติขณะบริจาคโลหิตต้องทำอย่างไร 

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
2. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ ( ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี)
3. มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบายหรือรับประทานยาใดๆ
4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด
5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์หรือ ให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา

 การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
- นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง ในเวลาปกติคืนก่อนวันบริจาค
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กเพิ่ม
- รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้
- ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค
- งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

 ขณะบริจาคโลหิต
- สวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว
- เลือกแขนข้างที่เส้นโลหิตดำใหญ่ชัดเจน ที่สามารถให้โลหิตไหลลงถุงได้ดี ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะ ไม่มีผื่นคัน หรือรอยเขียวช้ำ ถ้าแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า
- ทำตัวตามสบาย อย่ากลัว หรือวิตกกังวล
- ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมขณะบริจาคโลหิต
- ขณะบริจาคควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โลหิตไหลได้สะดวก หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ต้องรีบแจ้งให้พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้นทราบทันที
- หลังบริจาคโลหิตเสร็จเรียบร้อย ห้ามลุกทันที ให้นอนพักสักครู่จนกระทั่งรู้สึกสบายดี จึงลุกไปดื่มน้ำ และรับประทานอาหารว่างที่จัดไว้รับรอง

 หลังบริจาคโลหิต
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากๆ งดใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ รวมถึงการหิ้วของหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังการบริจาคโลหิต
- ถ้ามีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม หรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบนั่งก้มศีรษะต่ำระหว่างเข่า หรือนอนราบยกเท้าสูงจนกระทั่งมีอาการปกติจึงลุกขึ้น และเดินทางกลับ ป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม
- ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล อย่าตกใจ ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อส กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคโลหิตเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
- ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละอย่างน้อย 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก

 ขั้นตอนบริจาคโลหิต
ขั้นตอนที่ 1 กรอกแบบฟอร์มผู้บริจาคโลหิต
*ควรให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริงของผู้บริจาค จะทำให้ได้โลหิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้บริจาคเอง และตัวผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการรับบริจาคโลหิต

ขั้นตอนที่ 2 ตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต และความเข้มโลหิต
*บุคลากรทางการแพทย์ จะสอบถามประวัติผู้บริจาคเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นว่าท่าน มีสุขภาพพร้อมที่จะบริจาคโลหิตหรือไม่ โปรดอย่าปิดบังข้อมูลเรื่องสุขภาพ หรือเขินอายที่ จะตอบคำถาม

ขั้นตอนที่ 3 ลงทะเบียนรับหมายเลขถุงบรรจุโลหิต ที่เคาน์เตอร์ทะเบียน

ขั้นตอนที่ 4 บริจาคโลหิต

ขั้นตอนที่ 5 พักรับประทานอาหารว่าง/เครื่องดื่ม
*หลังบริจาคโลหิตจำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มที่เจ้าหน้าที่จัดไว้บริการให้ และนั่งพักสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพน้ำในร่างกาย เมื่อปกติดีแล้วจึงเดินทางกลับ

ที่มา…สภากาชาดไทย