PostHeaderIcon แม่น้ำกลายเป็นสีเลือด

 


“เดลี่ เมล์ รายงานเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ว่า เกิดเหตุชวนอึ้ง หลังจากแม่น้ำแยงซี ที่ไหลผ่านเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ได้กลายเป็นสีแดงเหลือง เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเป็นทางน้ำที่ไหลบรรจบพบกับแม่น้ำเจียลิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการกำลังสอบสวนสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าว โดยผู้คนต่างบอกว่ารู้สึกตะลึงเมื่อเก็บตัวอย่างของน้ำจากแม่น้ำดังกล่าวลงในขวด ซึ่งเป็นสีแดง
รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เลียนคล้ายแม่น้ำเจียน ในเมืองหลิวหยาง ในมณฑลเฮอหนาน ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งกลายเป็นสีแดง หลังจากได้รับมลพิษจากสีย้อมผ้าที่่รุนแรง โดยถูกทิ้งจากจากโรงงานย้อมผ้าผิดกฎหมาย และทำให้ทางการต้องเข้าปิดโรงงานดังกล่าวและยึดเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม เดลี่ เมล์ ยังรายงานว่า ปรากฎการณ์นี้ดูเหมือนจะคล้ายกับเนื้อหาในพระคัมภีร์ไบเบิลบท 16 ที่ระบุถึงสัญญาณของวันสิ้นโลก ว่า เทวดาจะโยนบาปลงสู่แม่น้ำต่าง ๆ และทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีเลือด

 


www.teenee.com

 

 

 

 

PostHeaderIcon สมาร์ทโฟน…มหันตภัยแสนใกล้ตัว

 
 

           เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์เดลี่เมลแห่งประเทศอังกฤษ ได้หยิบเอาคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่พนักงานหนุ่ม นาม “อีออน” ที่ทำงานในผับคิง วิลเลียม เดอะโฟร์ธ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เดินตกลงไปในปล่องช่องลิฟต์ขนสินค้า ที่มีความลึกราว 3 เมตรเศษ ทั้งที่ในเวลานั้นมีแสงสว่างส่องทั่วพื้นที่ทำงาน และสามารถมองเห็นพื้นและสิ่งรอบข้างได้โดยสะดวก

            แต่ทำไมนายอีออนถึงได้ตกลงไปในปล่องลิฟต์ได้น่ะหรือ ก็เพราะว่า ขณะที่เดินมาหยิบสินค้าตามคำสั่งเจ้านายนั้น กระทาชายรายนี้กำลังก้มหน้าก้มตาชมรายการโทรทัศน์ที่ภรรยาไปออกรายการบนจอเล็กๆ ของสมาร์ทโฟนของตนเองอยู่ ทำให้สมาธิทั้งหมดมุ่งอยู่กับหน้าจอขนาดกว้างไม่เกิน 5 นิ้ว และตัดตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมภายนอกโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าแผ่นพื้นที่ปิดช่องลิฟต์อยู่นั้นถูกนำออกไปวางข้างๆ และเหลือช่องว่างขนาดพอดีตัวให้เขาก้าวเดิน (อย่างไม่ระวัง) ลงไปในปล่อง เรียกเสียงฮาจากพนักงานรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ความซุ่มซ่ามของหนุ่มรายนี้ได้อย่างดี

             นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของความซุ่มซ่าม และเลินเล่อของกระทาชายนายอิออน แต่ก็เป็นเครื่องสะท้อนได้ว่า การที่เจ้าของสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ แม้กระทั่งแท็บเล็ต มัวแต่จับจ้องหน้าจอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนนั้น โดยไม่สนใจสภาพแวดล้อมภายนอก ภัยจะมาถึงตัวได้โดยคาดไม่ถึง

             เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีการเก็บสถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นจากผู้ขับหันไปให้ความสำคัญกับสมาร์ทโฟนชั่วขณะ ทำให้ลืมไปว่าตนเองกำลังขับรถอยู่นั้น มีอยู่ด้วยกันถึง 25% ของจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา

             อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นจากสมาร์ทโฟน แทบทั้งหมดมาจากการที่ผู้ขับละสมาธิจากท้องถนนไปกดปุ่มพิมพ์ข้อความหรืออ่านข้อความที่เพื่อนๆ ส่งมา

             ผลการศึกษาพบว่า การละมือมาพิมพ์ข้อความบนหน้าจอสมาร์ทโฟนนั้น เป็นอันตรายกว่าการเมาแล้วขับรถยนต์ถึง 6 เท่า ดังนั้นการใช้งานโซเชียลมีเดียระหว่างการขับรถจึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุเลวร้ายขึ้นอีกมาก เมื่อประชากรโลกนิยมใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันตลาดสมาร์ทโฟนก็เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศต่างๆ

              การศึกษาของนักวิจัยในสหรัฐน่าจะเป็นเครื่องเตือนภัยอย่างดีให้แก่รัฐบาลของประเทศกำลังพัฒนา และประเทศดาวรุ่งทางเศรษฐกิจของโลก เช่น จีน และอินเดีย ที่มีอัตราการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละปี ขณะเดียวกันความนิยมในการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย (ในภาษาท้องถิ่น) ก็เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น ขณะที่อัตราการบริโภครถยนต์ก็เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายซื้อสินค้าที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย

              ไม่เพียงแค่อุบัติเหตุจากการใช้สมาร์ทโฟนระหว่างการขับรถยนต์ แต่ในสหรัฐยังมีการเก็บสถิติผู้เสียชีวิตจากการใช้สมาร์ทโฟนระหว่างการเดินขึ้นลงบันได ที่แต่ละปีมีอัตราสูงถึง 12,000 รายต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปอีก

              สิ่งที่ประชากรในหลายประเทศยังขาดคือ “จิตสำนึกความปลอดภัย” เนื่องจากขาด “สติ” ที่เป็นต้นเหตุของ “ปัญญา″ ในการรับรู้และระวังป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมใดๆ เชื่อว่าหลายต่อหลายคนไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้สมาร์ทโฟนระหว่างการเดินขึ้นลงบันไดกันแล้ว แต่นั่นก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า “สมาร์ทโฟน” เป็นอันตรายที่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด หากเจ้าของ “ไร้สติ” ในการใช้งาน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

PostHeaderIcon แผ่นดินไหว เชียงราย 3.3 ริกเตอร์

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 19.26 น. วันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.3 ริกเตอร์ ขึ้นที่ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ทางตอนเหนือของประเทศลาว ลึกจากพื้นดิน 6 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย

Mthai News

PostHeaderIcon ประชาชนแห่ชมปรากฏการณ์บลูมูน

 
 

เชียงใหม่ 1 ก.ย.- ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ เฝ้าชมปรากฏการณ์ บลูมูน หรือดวงจันทร์เต็มดวง โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ประชาชนและนักท่องเที่ยว ขึ้นไปชมบลูมูน หรือพระจันทร์เต็มดวง บริเวณจุดชมวิวดอยสุเทพ

เมื่อเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ประชาชนและนักท่องเที่ยว สามารถมองเห็นความสวยงามได้อย่างชัดเจน โดยภาพที่เห็นเป็นพระจันทร์ทรงกลด ดวงโตเหลืองอร่าม หลายคนใช้กล้องถ่ายรูป ถ่ายภาพความประทับใจเก็บไว้เป็นที่ระลึก ปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวงที่เกิดขึ้นคืนนี้ ถือเป็นครั้งที่สองในรอบเดือนสิงหาคม ซึ่งปรากฏการณ์นี้ จะเกิดขึ้นอีกครั้งวันที่ 2 และวันที่ 31 กรกฎาคม 2558

ส่วนที่สงขลาประชาชนและนักท่องเที่ยว ไปรวมตัวกันบริเวณลานวัฒนธรรมและลานดนตรี แหลมสมิหลา

เพื่อชมปรากฏการณ์บลูมูน ซึ่งสามารถมองเห็นปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวง ได้อย่างชัดเจน โดยพระจันทร์ มีสภาพกลมโตอย่างเห็นได้ชัดมากที่สุด เวลา 20.58 นาที ตามเวลาประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:”ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง”

PostHeaderIcon ชม”บลูมูน”ครั้งสุดท้าย 31 ส.ค.นี้ พลาดแล้วต้องรออีกเกือบ 3 ปี

 
 

 
ปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีน้ำเงิน หรือบลู มูน หรือดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) เป็นวันเดียวกับวันประกอบพิธีศพของนีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกที่ได้เหยียบดวงจันทร์ ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัย 82 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปรากฏการณ์บลูมูน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งเดือนปฏิทิน โดยหากพลาดการชมในวันพรุ่งนี้ จะต้องรอถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2015 หรืออีกเกือบ 3 ปีข้างหน้า ขณะที่รอบของดวงจันทร์เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 29.53059 วันต่อเดือน และเกิดขึ้นเฉลี่ยประมาณ 2.72 ปีต่อครั้ง

นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ มักไม่มีความสำคัญทางวิทยาศาสตร์มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องปกติ ขณะที่จะมีความสำคัญมากกว่ากับคู่รัก นักเขียน และบทเพลงมากกว่า

ปรากฏการณ์บลูมูน เป็นที่รู้จักกันจากสำนวนในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Once in a blue moon” ที่หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นนานๆครั้ง โดยปรากฏการณ์บลูมูนครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2009 หรือที่เรียกกันว่า″วันส่งท้ายปีเก่าบลูมูน” ซึ่งประจวบเหมาะกับการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน ที่เห็นได้ในยูโรป เอเชีย แอฟริกา และบางส่วนของรัฐอลาสก้า

นอกจากนั้น ยังมีปรากฏการณ์ที่เกิดบลูมูนปีละ 2 ครั้ง โดยปีล่าสุดที่เกิดบลูมูน 2 ครั้งซ้อนในหนึ่งปี ก็คือปี 1999 และครั้งต่อไปในปี 2018

ด้านครอบครัวของอาร์มสตรองแนะนำว่า หากต้องการแสดงการไว้อาลัยแก่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ให้มองที่ดวงจันทร์ในคืนพรุ่งนี้ และกระพริบตาให้หนึ่งครั้ง

โดยพระจันทร์จะอยู่ในสภาพกลมโตอย่างเต็มที่ในเวลา 13.58 น. ตามเวลามาตรฐานสากล หรือเวลา 20.58 น. ตามเวลาในไทย ของวันที่ 31 ส.ค.นี้ โดยดวงจันทร์จะมีสีสว่างกว่าเดิม อย่างไรก็ดี ดวงจันทร์ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินแต่อย่างใด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

PostHeaderIcon สลด! ภาพขยะลอยเกลื่อนหาดบางแสน

ขยะ,หาดบางแสน
(ขอบคุณภาพจาก http://www.krobkruakao.com)

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ มีรายงานข่าวว่า นักท่องเที่ยววต่างพากันสลดใจต่อภาพขยะครัวเรือน สิ่งปฏิกูล รวมถึงลูกไม้โกงกาง ที่ลอยเกลื่อนหาดบางแสน ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยขยะลงสู่แม่้น้ำบางปะกง ทำให้ขยะจำนวนมากเหล่านี้ไหลลงสู่ทะเลก่อนจะถูกพัดขึ้นมาเกยหาดตั้งแต่หาดบางแสนยาวไปจนถึงศรีราชา เป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร

ทั้งนี้ คาดว่าเกิดจากเจ้าหน้าที่ควบคุมประตูระบายน้ำไม่ได้ควบคุมการคัดแยก แต่ปล่อยลงสู่แม่น้ำโดยตรง ทำให้ขยะจำนวนหลายสิบตัน ลอยหวนกลับขึ้นมาเกยชายหาดดังกล่าว ซึ่งขยะจำนวนนี้อาจมีปริมาณมากพอที่จะมีระยะยาวไปจนถึง อ.บางละมุง และพัทยาด้วย

ด้านนักท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวต่างแสดงความเป็นห่วงต่อภาพลักษณ์และภาพพจน์ของจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีผลต่อการท่องเที่ยว

เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันพฤหัสที่ 30 สิงหาคม 2555

Mthai News

PostHeaderIcon เกาะช้าง ปิดดำน้ำ-ชมปะการัง

      นายพันธุ์พงษ์ คงเดชอดิศักดิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป ทางอุทยานฯได้ ประกาศปิดการท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังบริเวณหมู่เกาะรัง และเกาะหยวก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังที่สำคัญของท้องทะเลตราด โดยจะปิดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 60 วัน

ทั้งนี้เพื่อให้แนวปะการังได้มีเวลาพักฟื้นกลับมาสมบูรณ์ตามเดิม ประกอบกับเป็นฤดูมรสุมคลื่นลมในทะเลรุนแรง ทำให้น้ำทะเลมีสภาพขุ่นไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการัง

อย่างไรก็ตาม ทางอุทยานฯได้ประชาสัมพันธ์ และทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการ ผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งมัคคุเทศก์ ให้ได้รับทราบข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือให้ช่วยกันรักษาอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล รวมทั้งจัดระเบียบในการใช้ทรัพยากรทางทะเลตราดเข้มงวดขึ้น

Mthai News

PostHeaderIcon ตู้เขียวระวังภัย

     กทม.ติดตั้งตู้เขียวระวังภัย ป้องกันอาชญากรรม ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการตู้เขียวระวังภัยระบบใหม่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ไขปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นายกระมล โอฬาระวัต ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ เปิดเผยว่า ตู้เขียวระวังภัยระบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่เทศกิจในการดูแลประชาชนให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น โดยใช้นวัตกรรมทางด้านสารสนเทศ เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความกระชับ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตู้เขียวดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารและเฝ้าระวังเหตุให้กับประชาชนที่มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น สำหรับตู้เขียวระวังภัยระบบใหม่ มีระบบแจ้งเตือนที่ทันสมัยให้เจ้าหน้าที่เทศกิจรับแจ้งเหตุด่วนได้โดยตรงจากประชาชน พร้อมติดกล้องถ่ายภาพผู้ร้องเรียน และบันทึกเสียงระหว่างโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ศูนย์อัมรินทร์ โดยเจ้าหน้าที่สามารถส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่สายตรวจได้ทันที ทั้งนี้ได้นำร่องติดตั้งตามชุมชน และย่านเสี่ยงอันตรายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 เขต จำนวน 112 จุด

อ้างอิง..วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10:30 น. ข่าวสดออนไลน์

PostHeaderIcon สปาลอยน้ำ Bota Bota

 bota bota สปาลอยน้ำ

เดิมนั้น Bota Bota คือ เรือเฟอร์รี่ที่จอดล่องลอยอยู่ในแม่น้ำลอว์เรนซ์ เกิดมาเข้าตาไอเดียของคนช่างคิด จับมาเนรมิตเป็น สปาลอยน้ำ สถานที่สุดชิลล์ ด้วยงบลงทุนที่ไม่ค่อยชิลล์ 10 ล้านดอลลาร์ ภายในแบ่งเป็น 5 ชั้น จัดสรรแต่ละโซน บนพื้นที่ 3,150 ตารางเมตร พร้อมสรรพด้วยความทันสมัยอย่างที่สปาหนึ่งพึงจะมี ผ่อนคลายทั้งกาย ใจ และสายตา ด้วยทิวทัศน์อันชวนมองรอบด้าน

ภาพที่เห็นเป็นช่วงฤดูหนาว ผืนน้ำจึงกลายเป็นผืนน้ำแข็งแทน

 

ที่มา : izismile.com เรียบเรียง : travel.mthai.com

PostHeaderIcon 10 ยานอวกาศ สำรวจดวงจันทร์ : ทฤษฎีการกำเนิดดวงจันทร์

ทฤษฎีการกำเนิดดวงจันทร์ที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด คือ ทฤษฎีพุ่งชน ที่กล่าวว่า ในช่วงปลายของระยะสะสมมวลของโลก ได้มีวัตถุขนาดใหญ่ คาดกันว่าน่าจะประมาณดาวอังคารลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาชนโลก ทำให้เนื้อโลกก้อนใหญ่หลุดออกไปและต่อมาเศษหินเหล่านั้นได้เกาะกลุ่มกันเป็น วัตถุอีกดวงหนึ่ง จากดาวที่หลอมเหลวนั้นก็ค่อยๆเย็นลงและเเข็งตัวขึ้น กระทั่งกลายเป็นดวงจันทร์บริวารของโลก และในช่วง1,500 ล้านปีแรก ดวงจันทร์ดวงน้อยดวงนี้ก็ถูกลูกอุกกาบาตมากมายวิ่งชนเสียจนผิวเต็มไปด้วย หลุมเป็นบ่อมากมาย และจะว่าไปแล้วดวงจันทร์กับโลกก็เป็นพี่น้องที่มีอายุใกล้เคียงกัน นั้นคือ ประมาณ 4,600 ล้านปี

เรื่องราว ทั้งจุดกำเนิด อิทธิพลที่มีต่อโลก และอีกหลายเรื่องราวเกี่ยวกับดวงจันทร์ ได้ถูกค้นคว้า ทั้งการศึกษาภาพถ่าย ตัวอย่างหิน ดิน และเเร่ธาตุต่างๆที่เก็บมาจากดวงจันทร์ จากที่มนุษย์เราได้พยายามส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์ ตามโครงการสำรวจดวงจันทร์หลากหลายโครงการ ซึ่งในระยะแรกจะมีเพียงสองชาติยักษ์ใหญ่อย่าง สหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น 

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ the Russian Luna program

1.โครงการลูนา (Luna1-24 ) 

โครงการอวกาศชุดแรกที่สหภาพโซเวียต ส่งไปสำรวจดวงจันทร์ ระหว่าง พ.ศ. 2502-2519 โดยประสบความสำเร็จสามารถถ่ายภาพด้านไกลของดวงจันทร์ สามารถลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้เมื่อปี 2509 นำตัวอย่างดินจากดวงจันทร์ประมาณ 100 กรัมกลับมายังโลกได้ในปี 2513, 2515 และ 2519 และมีรถสำรวจไปแล่นบนดวงจันทร์ในปี 2513 และ 2516 โดยยานลูนอคฮูด 1 และ 2

ความสำเร็จของสหภาพโซเวียตในการพิชิตอวกาศนำหน้าสหรัฐอเมริกา ทำให้น่าซ่าต้องทุ่มเททั้งกำลังคน กำลังเงินและทรัพยากร ส่งคนอเมริกันไปดวงจันทร์ให้ได้ เพื่อศักดิ์ศรีของศึกพิชิตอวกาศ

ต่อมาในปี พ.ศ.2504 ประธานาธิบดีจอห์นเอฟ เคนเนดี้ (John F. Kennedy ) ประกาศต่อสาธารนะชนว่าสหรัฐอเมริกา จะต้องส่งมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ให้ได้ก่อนปี พ.ศ.2513 โครงการอวกาศของนาซ่าจึงเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น 

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ The Ranger program consisted of nine …

2.โครงการเรนเจอร์ (Ranger 1-9) 

เป็นทางฟากฝั่งสหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ.2504-2508  เป้าหมายของโครงการถูก ออกแบบให้ยานไปพุ่งชนดวงจันทร์และทำการส่งภาพมายังโลกตั้งเเต่ก่อนพุงชน และขณะที่อยู่ห่างดวงจันทร์ตั้งแต่ระดับหนึ่งพันกว่าไมล์ และสุดท้ายเมื่อยานเข้าประชิดดวงจันทร์ในระยะเพียงไม่กี่ไมล์

โครงการเรนเจอร์ (Ranger 1-9) ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Lunar Obiter

3.โครงการลูนาร์ ออบิเตอร์ (Lunar Obiter 1-5)

สหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ.2509-2510 มีเป้าหมายเพื่อถ่ายโดยรอบดวงจันทร์ในขณะที่ยานอวกาศวนรอบดวงจันทร์ จะต่างจากโครงการเรนเจอร์ที่กำหนดให้ไปพุ่งชน ครั้งนี้ประสบความสำเร็จมากจนทำให้แผนที่ดวงจันทร์ทั้งดวงเกือบ นับเป็นการบุกเบิกให้กับโครงการ “เซอร์เวเยอร์” และ “อพอลโล” ในอนาคต

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ The Surveyor program

4.โครงการเซอเวเยอร์ (Surveyor)

สหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ. 2509-2511 นี่คือครั้งแรกมนุษย์ได้ควบคุมการลงจอดของยานอวกกาศลงบนดวงจันทร์จากโลก ได้อย่างนุมนวลและปลอดภัย ความสำเร็จของโครงการนี้เป็นจุดสำคัญที่สหรัฐฯ ได้นำไปพัฒนาต่อในโครงการอพอลโล

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Skylab program

5.โครงการสกายแล็บ (Skylab) 

เป็นสถานีอวกาศแห่งแรกของสหรัฐฯ มีเป้าหมาย คือ ให้มนุษย์ขึ้นไปใช้ชีวิตบนสถานีลอยฟ้าเพื่อทำการค้นคว้าทดลองให้ได้นานที่ สุด เน้นศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ การแพทย์ ฟิสิกส์ผลกระทบของสภาพไร้แรงดึงดูด

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Apollo-Soyuz

6.โครงการอพอลโล – โซยูส (Apollo – Soyu) 

นับเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต เพื่อร่วมกันทดสอบทดสอบระบบนัดพบและเชื่อมยานอวกาศของสหรัฐอเมริกาและสหภาพ โซเวียตเข้าด้วยกัน โดยยานอะพอลโลของสหรัฐฯ มีนักบิน 3 คน ขณะที่ยานโซยุซของโซเวียตมีนักบิน 2 คน

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ the space shuttle

7.โครงการยานขนส่งอวกาศ (Space Shuttle) 

คือพาหนะสำหรับบรรทุกสิ่งของและมนุษย์ เพื่อขึ้นไปปฏิบัติภารกิจในอวกาศ ด้วยจุดประสงค์ที่จะลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มสมรรถนะในการใช้ประโยชน์จากอวกาศ 

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ The Mercury program

8.โครงการเมอคิวรี่ (Mercury)

เป็นโครงการที่ส่งมนุษย์ครั้งละ 1 คน ขึ้นไปโคจรในอวกาศ เพื่อทดลองการปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมอวกาศ ที่มีความโน้มถ่วงต่ำ

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

 ภาพ Pilot Gemini 7

9. โครงการเจมินี (Gemini) 

ทดสอบการดำรงชีวิตในอวกาศ ด้วยการนำมนุษย์ 2 คน พร้อมด้วยอุปกรณ์สนับสนุนการดำรงชีวิตขึ้นไปโคจรในอวกาศ ให้สามารถดำรงชีพในอวกาศให้นานที่สุด พร้อมทั้งฝึกวิธี

นัดพบและต่อเชื่อมกับยานลำอื่นในวงโคจรรอบโลก และนับว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาการใช้เทคนิคการนำยานลงจอดในพื้นที่เป้า หมายได้อย่างเเม่นยำ

  ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Apollo 11

10. โครงการอพอลโล (Apollo 1-17)  

โครงการอะพอลโล (Apollo 1-17)  สหรัฐอเมริกา ระหว่าง พ.ศ. 2511-2515

หลังจากน่าซ่าทำการศึกษาและพัฒนาโครงการทางอวกาศมาอย่างต่อเนืองยาวนาน และโดยเฉพาะจากโครงการต่อเนื่องจากเมอคิวรีและเจมินี  กระทั่งสะสมศักยภาพด้านต่างๆ จนมาถึงคิวของโครงการอะพอลโล ที่มีจุดหมายสำคัญอยู่ที่การส่งมนุษย์ไปพิชิตพื้นผิวดวงจันทร์ได้อย่าง ปลอดภัย

โครงการอพอลโล จะใช้มนุษย์อวกาศครั้งละ 3 คน  สำหรับยานอวกาศที่ใช้ ตัวยานจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ยานบังคับการ เป็นที่อยู่ของนักบินอวกาศ ขณะเดินทางไปกลับโลกและดวงจันทร์ ยานบริการซึ่งอยู่ติดกับยานบังคับการ จะใช้สำหรับเป็นที่ติดตั้งของ อุปกรณ์และเครื่องยนต์ต่างๆ และยานลงดวงจันทร์ หรือ “อีเกิ้ล” จะเป็นส่วนที่นำนักบินอวกาศสองคนลงบนดวงจันทร์

เแต่การเริ่มต้นของโครงการจะเปิดฉากได้ไม่ดีนัก เมื่อ ยานอะพอลโล่ 1 เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ห้องบังคับการระหว่างการซ้อมที่ภาคพื้นดิน เมื่อวันที่ 27 มกราคม 1967 ทำให้นักบินอวกาศ 3 คน คือ Roger Chaffee,Virgil Grisson และ Edward White  เสียชีวิตลง ทำให้นาซ่าต้องหยุดชะงักโครงการไประยะหนึ่ง ทำให้ยานอะพอลโล่ 4,5 และ 6 ที่ส่งไป เป็นแบบไม่มีคนบังคับ ซึ่งเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของจรวด Saturn หลักจากนั้นในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1968 ในอพอลโล่ 8 จึงได้มีการส่งยานที่มีมนุษย์บังคับขึ้นไปสามคน คือ แฟรงค์ บอร์แมน (Frank Borman),เจมส์ เอ. โลเวลล์ (James A. Lovell) และ วิลเลียม เอ. แอนเดอส์ (William A. Anders) รวมทั้งอพอลโล่ 9 และ 10 แต่เป็นเพียงการโคจรอยู่ในอวกาศรอบๆ ยังไม่ทำการลงจอดบนดวงจันทร์ ภายหลังเมื่อภารกิจของอพอลโล10 พบความสำเร็จ นาซ่าจึงเดินเครื่องอพอลโล 11 ต่อในเวลาไม่ถึงสองเดือน

 ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Astronauts of Apollo 11 To The Moon: Armstrong, Collins and Aldrin
Image credit: NASA

และเเล้วโลกก็ตั้งตารอคอยวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2512 (ค.ศ. 1969) เมื่อนาซ่ากำหนดให้เป็นวันเดินทางของ อพอลโล 11 ยานที่จะนำพามนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์

เช้าวันประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 20 คนนับล้านเฝ้ารอดูการเดินทางไปดวงจันทร์ ผ่านการถ่ายทอดรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ลูกเรือสามคนของอพอลโล 11 ประกอบไปด้วย นีล อาร์มสตรอง, เอดวิน อัลดริน และ ไมเคิล คอลลินส์  ยานทำการลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ ณ  บริเวณทะเลแห่งความสงบ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2512 (วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969) เวลา 09:56 น. ตามเวลาในประเทศไทย

นีล เอ. อาร์มสตรอง (Neil A. Armstrong) ออกจากยานดวงจันทร์ โดยใช้เท้าซ้ายเหยียบลงบนพื้นดินดวงจันทร์ พร้อมกับกล่าวว่า “ก้าวเล็ก ๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง เป็นก้าวกระโดดไกลของมนุษยชาติ”  และนี่คือรอยเท้าแรกของมนุษย์บนดวงจันทร์

ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Apollo 11 boot print image courtesy of NASA

เมื่อเวลาผ่านไป 19 นาที หลังจาก นีล อาร์มสตรอง ก้าวเท้าลงเหยียบพื้นดินดวงจันทร์ บัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) ก้าวเท้าตามลงมา พร้อมกับกล่าวคำสั้นๆ ถึงเอ่ยคำออกมาสั้นๆ สภาพพื้นผิวบนดวงจันทร์ที่ตนมองเห็นว่า “เป็นความอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่มาก” (magnificent desolation) โดยมีลูกเรือคนที่สาม คือ ไมเคิล คอลลินส์ (Michael Collins) คอยควบคุมยานรออยู่ในอวกาศรอบดวงจันทร์

จากนั้นมนุษย์อวกาศทั้ง 2 คนจึงทำการนำธงชาติสหรัฐปักลงไปบนพื้นดินดวงจันทร์ และทำการเก็บตัวอย่างดินหิน ดวงจันทร์กลับมายังโลกรวม 22.5 กิโลกรัม พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ และสำรวจดวงจันทร์ภายในรัศมีที่กำหนดไว้

 ยานอวกาศ นีล อาร์มสตรอง ดวงจันทร์ เกร็ดความรู้ ข่าวการศึกษา

ภาพ Buzz Aldrin Salutes American Flag on the moon

พวกเขาใช้เวลาบนดวงจันทร์ทั้งสิ้น  2 ชั่วโมง 31 นาที ก่อนเดินทางกับถึงโลกอย่างปลอดภัยในวันที่ 24 กรกฎาคม ลงบนมหาสมุทรแปซิฟิก ภารกิจของอพอลโล 11 นับตั้งแต่ออกเดินทางจนกลับมาถึงโลกใช้เวลารวมเเล้ว 195 ชั่วโมงกับอีก 18 นาที

หลังจากอพอลโล 11 นาซาได้ส่งยานไปสำรวจดวงจันทร์อีก 6 ลำ มีเพียงอพอลโล 13 เท่านั้นที่ต้องยกเลิกภารกิจสำรวจดวงจันทร์เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุถัง ออกซิเจนในยานบริการระเบิดก่อนหน้าจะเข้าสู่วงโคจรรอบดวงจันทร์ 2 วัน ยานจึงต้องเดินทางกลับโลกไม่ได้ลงสัมผัสดวงจันทร์ได้ตามแผน และ เมื่อเดือนธันวาคม  1972  อพอลโล่ 17 ก็ได้ปฏิบัติภารกิจสำรวจดวงจันทร์ และปิดฉากโครงการอพอลโลลง

ที่มาข้อมูล

Apollo 11 เหยียบบนดวงจันทร์ โดยชมรมนักดูดาวสมัครเล่น ที่มา www.darasart.com
โครงการ อะพอลโล (Apollo) www.rmutphysics.com
โครงการอะพอลโล – วิกิพีเดีย th.wikipedia.org
ดาราศาสตร์ในระยะ 100 ปี(21) ตอนที่ 1 www.doodaw.com
โครงการอะพอลโล www.sunyacenter.com